สหรัฐฯ
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 600,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น แม้ดอกเบี้ยเงินกู้ดีดตัว สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 1.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 0.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 44% แมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 806,500 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 6.86% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 6.84% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ (อินโฟเควสท์)
คาดสหรัฐเผยดัชนี PPI +2.5% เดือนเม.ย. ชะลอตัวจากเดือนมี.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนเม.ย.ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.) ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)
"ทรัมป์" เดินหน้าจี้ "พาวเวล" หั่นดอกเบี้ย หลัง CPI สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงกดดันให้เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลล่าสุดว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยในวันอังคาร (13 พ.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% "เงินเฟ้อก็ไม่มี แถมราคาน้ำมันเบนซิน ค่าไฟ ของกินของใช้ และแทบทุกอย่างก็ถูกลงหมด!!!" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย "เฟดต้องลดดอกเบี้ยได้แล้ว เหมือนยุโรปและจีนที่ปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว พาวเวลทำไมถึงช้าแบบนี้" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "กลยุทธ์ของเฟดไม่ยุติธรรมกับอเมริกาที่พร้อมจะเบ่งบาน ... จงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น มันจะเป็นสิ่งที่สวยงาม!" ที่ผ่านมานั้น ปธน.ทรัมป์พยายามอย่างมากที่จะกดดันให้พาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าความเป็นอิสระของเฟดจะถูกแทรกแซง และยังส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การแสดงออกของปธน.ทรัมป์ยังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจกับกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อสูงอันเนื่องมาจากการประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร (อินโฟเควสท์)
คะแนนนิยม "ทรัมป์" ขยับขึ้นแตะ 44% ชาวมะกันเริ่มคลายกังวลเศรษฐกิจถดถอย ผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสส์ (Reuters/Ipsos) เปิดเผยว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวอเมริกันคลายความกังวลเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจของเขา ตลอดจนวิตกน้อยลงถึงแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ทั่วประเทศจากกลุ่มตัวอย่าง 1,163 คน ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. พบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสำรวจพอใจผลงานของปธน.ทรัมป์ เพิ่มขึ้นจาก 42% ในการสำรวจช่วง 25-27 เม.ย. โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบ 3 จุดเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน คะแนนด้านการจัดการเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 39% จาก 36% ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งด้วยคะแนนนิยมเริ่มต้นที่ 47% แต่คะแนนค่อย ๆ ลดลงท่ามกลางความกังวลของชาวอเมริกันต่อสงครามการค้าหลายระลอกที่เขาเป็นผู้จุดชนวนขึ้น ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า ประมาณ 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจยังคงกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ลดลงจาก 76% ในการสำรวจช่วง 16-21 เม.ย. ขณะที่สัดส่วนผู้ที่กังวลเรื่องตลาดหุ้นลดลงเหลือ 60% จาก 67% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ จะเป็นความผิดของปธน.ทรัมป์ เทียบกับ 37% ที่มองว่าเป็นความผิดของอดีตปธน.โจ ไบเดน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 89.37 จุด ตลาดจับตาการค้า-ข้อมูลศก. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (14 พ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนรอคอยปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นการซื้อขาย ซึ่งรวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจและความคืบหน้าด้านการค้า ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,051.06 จุด ลดลง 89.37 จุด หรือ -0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,892.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.03 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,146.81 จุด เพิ่มขึ้น 136.72 จุด หรือ +0.72% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 52 เซนต์ กังวลสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (14 พ.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้น ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 63.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 54 เซนต์ หรือ 0.81% ปิดที่ 66.09 ดอลลาร์/บาร์เรล (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงพาวเวล สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (14 พ.ค.) โดยฟื้นตัวหลังจากที่อ่อนค่าลงในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าด้านการค้า รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเพิ่มเติมของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.03% แตะที่ระดับ 101.037 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $59.50 นลท.เทขายหลังการค้าคืบหน้า สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (14 พ.ค.) เนื่องจากความคืบหน้าด้านการค้าส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 59.50 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 3,188.30 ดอลลาร์/ออนซ์ (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ร่วง แต่ยืนเหนือ 4.4% จับตาดัชนี PPI พรุ่งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงในวันนี้ แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 4.4% ขณะที่นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพรุ่งนี้ ณ เวลา 19.33 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.477% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.922% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
เงินเฟ้อเยอรมนีเดือนเม.ย. แตะที่ 2.1% ตามคาด สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยข้อมูลขั้นสุดท้ายในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีอยู่ที่ 2.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ออกมาก่อนหน้านี้ และชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 2.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งตรงกับตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเช่นกัน ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่ปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานของสหภาพยุโรป (HICP) ในเดือนเม.ย. อยู่ที่ 2.2% เมื่อเทียบรายปี ลดลงจาก 2.3% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี HICP ในเดือนเม.ย. อยู่ที่ 0.5% เพิ่มขึ้นจาก 0.4% ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)
ฝรั่งเศสขู่คว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ หากไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงในยูเครน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เปิดเผยในวันอังคาร (13 พ.ค.) ว่า เขาสนับสนุนให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่กับรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากรัสเซียไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครน โดยปธน.มาครงส่งสัญญาณว่าการคว่ำบาตรอาจพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจบริการด้านการเงิน น้ำมัน และก๊าซ ปธน.มาครงเปิดเผยกับสื่อฝรั่งเศสว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะคว่ำบาตรรัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากรัสเซียปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิง โดยคำกล่าวของปธน.มาครองมีความสอดคล้องกับฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีที่ประกาศไว้ในวันเดียวกันว่า พันธมิตรยุโรปจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อรัสเซีย หากปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียไม่ยอมรับข้อตกลงหยุดยิง พร้อมชี้ว่าภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึง พลังงานและตลาดการเงินอาจตกเป็นเป้าของการคว่ำบาตรครั้งนี้ด้วย ทางด้านฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.) ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้รับการร้องขอให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ในภาคส่วนเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ ต่างก็มีความเป็นไปในทางเดียวกันว่า รัสเซียจะต้องเผชิญกับมาตรการลงโทษครั้งใหม่ หากไม่รับฟังข้อเรียกร้องให้หยุดยิง 30 วันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายทำกำไร-ผิดหวังผลประกอบการ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วันจากแรงหนุนของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-อังกฤษ และสหรัฐฯ-จีน ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก นอกจากนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของหลายบริษัทส่งผลกดดันตลาดด้วย ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 543.88 จุด ลดลง 1.29 จุด หรือ -0.24% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,836.79 จุด ลดลง 37.04 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,527.01 จุด ลดลง 111.55 จุด หรือ -0.47% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,585.01 จุด ลดลง 17.91 จุด หรือ -0.21% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 17.91 จุด นลท.โฟกัสผลประกอบการ-ภาวะเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (14 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการที่แตกต่างกันของบริษัทจดทะเบียน และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,585.01 จุด ลดลง 17.91 จุด หรือ -0.21% (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่น
ราคาค้าส่งญี่ปุ่นเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.0% เทียบรายปี ชะลอตัวจากมี.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (CGPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บระหว่างกัน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และชะลอตัวลงจาก 4.3% ในเดือนมี.ค. สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาค้าส่งชะลอตัวลงคือสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศถูกลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและข้าวที่ยังคงแพงอยู่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับบริษัทต่าง ๆ เพราะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เมื่อคิดเป็นเงินเยน ราคาสินค้านำเข้าลดลงถึง 7.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากที่ลดลง 2.4% ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดลบ 55.13 จุด เยนแข็งฉุดหุ้นยานยนต์-คาดการณ์กำไรไม่สดใส ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดลบในวันนี้ (14 พ.ค.) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เน้นส่งออกถูกเทขายอย่างหนัก หลังเงินเยนแข็งค่าขึ้น ประกอบกับแนวโน้มผลประกอบการที่ไม่สู้ดีนักจากความไม่แน่นอนเรื่องกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,128.13 จุด ลดลง 55.13 จุด หรือ -0.14% จบสถิติการปรับขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน (อินโฟเควสท์)
จีน
จีนเตรียมปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เริ่มวันนี้ คณะกรรมการนโยบายภาษีศุลกากรของจีน ประกาศเมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ว่า จีนจะปรับอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 12:01 น. ตามเวลาจีน หรือ 11:01 น. ตามเวลาไทย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตามประกาศนี้ จีนจะแก้ไขการเก็บ "ภาษีเพิ่มเติมตามราคา" (ภาษีที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากราคาสินค้า) สำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ตามประกาศฉบับที่ 4 ปี 2568 โดยจะระงับการเก็บภาษีในอัตรา 24% เป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 90 วัน แต่จะยังคงเก็บภาษีเพิ่มเติมในส่วนที่เหลืออีก 10% สำหรับสินค้ากลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ จีนจะยกเลิกอัตราภาษีเพิ่มเติมตามราคาที่เคยปรับแก้และบังคับใช้ไปแล้วตามประกาศฉบับที่ 5 และ 6 ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 9 และ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา (อินโฟเควสท์)
จีน-เวียดนาม เปิดใช้เส้นทางขนส่งทางบกระหว่างประเทศสายใหม่ เมื่อเวลา 10:40 น. ของวันนี้ (14 พ.ค.) ขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผักสด และสินค้าอุปโภคบริโภค ได้ออกเดินทางพร้อมกันจากนครหนานหนิง ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน และจากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยมีจุดหมายปลายทางที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับเป็นครั้งแรกที่รถบรรทุกสินค้าของจีนภายใต้กรอบความตกลงอำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) สามารถขนส่งสินค้าตรงไปยังพื้นที่ตอนในของเวียดนามผ่านเส้นทางสายใหม่นี้ได้โดยตรง เส้นทางดังกล่าวจะช่วยให้รถบรรทุกแต่ละคันประหยัดเวลาในการเดินทางได้ประมาณ 1 วัน และลดค่าใช้จ่ายลงได้ราว 1,000 หยวน (ประมาณ 138.97 ดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับเส้นทางเดิม หวัง ซิ่วชุน เจ้าหน้าที่จากกระทรวงคมนาคมจีน กล่าวว่า จีนจะร่วมมือกับเวียดนามในการเร่งพัฒนาการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ลดค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับผู้ขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพของพิธีการศุลกากร และผลักดันการดำเนินการตามข้อตกลงทวิภาคีให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 29.08 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทค ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (14 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน รวมทั้งปัจจัยบวกจากการที่จีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,403.95 จุด เพิ่มขึ้น 29.08 จุด หรือ +0.86% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดพุ่ง 532.38 จุด หุ้นเทคฯ-การเงินหนุนตลาด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (14 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนขานรับสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด และคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ระดับ 23,640.65 จุด เพิ่มขึ้น 532.38 จุด หรือ +2.30% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
เกาหลีใต้ส่งออกสินค้า ICT เพิ่มเดือนที่ 3 ติดต่อกัน รับดีมานด์ชิปแข็งแกร่ง กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ชิปเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์พกพา สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เกาหลีใต้ส่งออกผลิตภัณฑ์ ICT เพิ่มขึ้น 10.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.892 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. และเพิ่มขึ้น 9.3% ในเดือนมี.ค. การส่งออกชิปพุ่งขึ้น 17.2% สู่ระดับ 1.168 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ชิประดับไฮเอนด์ เช่น ชิปหน่วยความจำ DDR5 และชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่ใช้ในชิปปัญญาประดิษฐ์รู้สร้าง (Gen AI) ขณะที่การส่งออกจอแสดงผลลดลง 7.6% สู่ระดับ 1.52 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับยอดส่งออกโทรศัพท์มือถือที่พุ่งขึ้น 28.6% สู่ระดับ 1.19 พันล้านดอลลาร์ ยอดส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงลดลง 11.9% สู่ระดับ 800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกอุปกรณ์สื่อสารพุ่งขึ้น 3.5% สู่ระดับ 200 ล้านดอลลาร์ สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ ICT ไปยังสหรัฐฯ ขยับขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้น 19.4% หลังจากสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากร ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ ICT ไปยังเวียดนาม สหภาพยุโรป (EU) และอินเดีย ขยายตัวในระดับตัวเลข 2 หลัก ส่วนยอดนำเข้าผลิตภัณฑ์ ICT ปรับตัวลดลง 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.130 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ส่งผลให้เกาหลีใต้มียอดเกินดุลการค้าในอุตสาหกรรม ICT อยู่ที่ระดับ 7.61 พันล้านดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้จ้างงานเพิ่ม 194,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. โตต่อเนื่องเดือนที่ 4 สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 194,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 28.89 ล้านตำแหน่ง นับว่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ข้อมูลระบุว่า ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้หดตัวในช่วงปลายปี 2567 โดยลดลง 52,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. แต่หลังจากนั้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค., 136,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และ 193,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ อัตราการจ้างงานผู้ที่มีอายุระหว่าง 15-64 ปี เพิ่มขึ้น 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 69.9% ในเดือนเม.ย. ส่วนอัตราการว่างงานลดลง 0.1 จุดเปอร์เซ็นต์ สู่ระดับ 2.9% (อินโฟเควสท์)
โอเปกคงตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2568/69 กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ค. โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัว 1.3 ล้านบาร์เรล/วันทั้งในปี 2568 และ 2569 โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย. รายงานระบุว่า คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 105 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเดินทางทั้งทางรถยนต์และเครื่องบินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และการเกษตรในประเทศที่อยู่นอกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ขณะที่การเพิ่มกำลังการผลิตและอัตรากำไรของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศนอกกลุ่ม OECD ดังกล่าว ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันเช่นกัน นอกจากนี้ โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 สู่ระดับ 2.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 3.0% แต่ได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2569 ที่ระดับ 3.1% (อินโฟเควสท์)
เกาหลีใต้กางมาตรการช่วยเหลือ SME จากผลกระทบภาษีสหรัฐฯ รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่าได้เตรียมมาตรการสนับสนุนบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 25% ของสหรัฐฯ ไว้แล้ว ในขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนครบกำหนดผ่อนผัน 90 วันในเดือนก.ค.นี้ มาตรการเหล่านี้ประกอบด้วย การสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 4.6 ล้านล้านวอน (3.25 พันล้านดอลลาร์) เงินอุดหนุนต่าง ๆ เพื่อลดภาระต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และนโยบายอื่น ๆ เพื่อขยายตลาดการส่งออก หลังจากที่เมื่อต้นเดือนนี้ เกาหลีใต้ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 13.8 ล้านล้านวอน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ทั้งนี้ แม้การส่งออกของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมจะครองสัดส่วนไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ โดยคิดเป็น 17% ของการส่งออกทั้งหมดของเกาหลีใต้ในไตรมาสแรก แต่รัฐบาลระบุในแถลงการณ์วันนี้ (14 พ.ค.) ว่า 81% ของบริษัทเหล่านี้มองว่า ธุรกิจของตนเองมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐฯ (อินโฟเควสท์)
KDI หั่นคาดการณ์ศก.เกาหลีใต้เหลือเพียง 0.8% ปีนี้ เตือนการค้าโลกไม่แน่นอน สถาบันพัฒนาเกาหลี (KDI) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของรัฐบาลเกาหลีใต้ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 2568 ลงมากถึง 50% เหลือเพียง 0.8% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.6% โดยระบุว่าการค้าโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้นและการส่งออกชะลอตัวลง ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของ KDI ย่ำแย่กว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 1% ในปี 2568 และต่ำกว่าที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.5% สถาบัน KDI ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า เมื่อพิจารณาจากสภาวะทั้งภายในประเทศและต่างประเทศพบว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากสภาวะด้านการค้าและการส่งออกที่ย่ำแย่ลง พร้อมระบุถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้ โดยชี้ว่าการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีศุลกากรในเดือนเม.ย.นั้น ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับนโยบายด้านการค้า KDI ยังระบุว่า แม้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่การส่งออกชะลอตัวลงเมื่อพิจารณาในภาพรวม เนื่องจากภาคส่วนอื่น ๆ ทำผลงานได้อ่อนแอลง พร้อมกับคาดการณ์ว่าการส่งออกจะย่ำแย่ลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีศุลกากร (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกเกือบ 200 จุด ขานรับผลประกอบการแกร่ง ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นเกือบ 200 จุด โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 81,330.56 บวก 182.34 จุด หรือ 0.22% (อินโฟเควสท์)
ไทย
รมว. คลัง เตรียมหารือแบงก์รัฐพรุ่งนี้ ถกมาตรการช่วยกลุ่มส่งออก-SME จากมาตรการภาษี "ทรัมป์" นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เนื่องจากครั้งนี้มีหลายเรื่องต้องทบทวนมาตรการสิ่งไหนควรทำและยังไม่ควรทำ รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 และตอนนี้กำลังทำการบ้านอยู่ โดยในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.) จะหารือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFI) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออก SME และ ซัพพลายเชน ส่วนจำเป็นต้องให้งบประมาณปี 69 เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ วาระ 1 ก่อนหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในงบฯ ปี 68 หากปรับได้ก็ปรับ ส่วนในปี 69 หากเขาปรับในสภาฯ ได้ก็ว่ากันไป แต่สุดท้ายแล้วประเทศไทยต้องการการวางแผนที่ดีในระยะกลางและระยะยาว ส่วนจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ จะกู้หรือไม่ หรือจะจ่ายหรือไม่ ก็ต้องทบทวนอีกครั้งหนึ่ง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องนโยบายการค้าโลก ที่ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่รัฐบาลเองก็ควบคุมไม่ได้ ดังนั้นจะต้องนำมาเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการบริหารงานในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการใช้งบประมาณ เพื่อให้การใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องการบริหารจัดการเศรษฐกิจในภาพรวมต่าง ๆ (อินโฟเควสท์)
รมช.คลัง ยัน G-Token ไม่ใช่การกู้เงินรอบใหม่เพื่อกระตุ้นศก.หรือสร้างหนี้ใหม่ เปิดทางรายย่อยเข้าถึงง่าย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่า การเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) เป็นคนละประเด็นกับการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ได้เป็นการสร้างหนี้ใหม่ให้กับประเทศเหมือนที่มีกระแสข่าวโจมตีออกมาในช่วงนี้ แต่ G-Token จะเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการการกู้เงินของกระทรวงการคลังให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ มีต้นทุนและมีความเสี่ยงต่ำที่สุด และเป็นกลไกใหม่ที่จะทำให้การบริหารหนี้สาธารณะของประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น "ตรงนี้ไม่ใช่การกู้เงินก้อนใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นเพียงการเดินหน้ากลไก หรือเครื่องมือชนิดใหม่ที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เท่านั้น ส่วนกลไกในการออก G-Token ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่าประชาชนจะเข้าถึงได้ง่าย เพราะเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนรายย่อยเข้าถึงการ G-Token ได้ง่าย ซึ่งเบื้องต้นคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็จะสามารถเข้าร่วมได้ด้วย โดยคาดว่ารายละเอียดจะมีความชัดเจนและสามารถดำเนินการได้ไม่เกิน 2-3 เดือนนี้แน่นอน" นายเผ่าภูมิ กล่าว ทั้งนี้ หลักการของ G-Token คือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่เสมือนพันธบัตรรัฐบาลแต่อยู่ในลักษณะของ Digital Asset ซึ่งมีข้อดี คือสามารถแตกเป็นหน่วยย่อยได้ง่าย ประชาชนสามารถออมในมูลค่าที่ไม่สูงมากได้ ถือเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนที่มีรายได้ไม่สูงมากสามารถเข้าถึงการลงทุนในส่วนนี้ได้ (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติ ย้ำเตือนออก G-Token ต้องเน้นระบบความปลอดภัย ไม่ใช้ชำระค่าสินค้าบริการ นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณี สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (G-Token) เพื่อระดมทุนในวงเงิน 5,000 ล้านบาทว่า G-Token เป็นการระดมทุนคล้ายการออกพันธบัตรรัฐบาล และเป็นบทบาทการระดมทุนของรัฐบาลผ่าน G-Token ดังนั้น จะต้องมีระบบที่ดีและมีการรักษาความปลอดภัยของระบบ และมีกฎหมายรองรับเทียบเคียงกฎหมายการออกพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการดูแลประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธปท.อยากเห็น "การใช้ G-Token คงเป็นเครื่องมือใช้ในการระดมทุนของรัฐบาล แต่จะมีกระบวนการที่ดี มีความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน เพราะหากประชาชนไม่มั่นใจอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นพันธบัตรรัฐบาลได้ อย่างไรก็ดี ธปท.ไม่อยากเห็นการนำ G-Token มาใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ แต่ใช้ในการระดมทุนเป็นสำคัญ เป็นสิ่งที่ธปท.ให้ความสำคัญ" (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติห่วงลงทุนชะลอต้นตอฉุดศักยภาพเศรษฐกิจ ส่งสัญญาณเก็บกระสุนรองรับความเสี่ยง นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน "Monetary Policy Forum 1/2568" ถึงศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (Potential Growth) อยู่ที่ 2.5-3% หรือต่ำกว่า 3% เล็กน้อย สิ่งที่เป็นห่วงค่อนข้างมาก คือ การลงทุนต่ำที่ต่อเนื่อง เป็นต้นตอที่ทำให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยชะลอลง โดยในภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน สิ่งแรกที่ชะลอ คือ การลงทุน ทำให้เศรษฐกิจระยะสั้นชะลอ แต่ระยะยาวจะขึ้นกับการปรับตัวของธุรกิจและซัพพลายเชน และความชัดเจนของนโยบายการค้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนนโยบายการเงินเป็นประเด็นรอง ๆ เพราะผู้ประกอบการอาจไม่ได้ดูต้นทุน แต่เป็นเรื่องของความชัดเจนของนโยบาย และกฎระเบียบความยากง่ายในการทำธุรกิจ ซึ่งนโยบายการเงินจะมาเป็นตัวเสริม ส่วนการส่งผ่านนโยบายการเงินหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 3 ครั้ง นับตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 1.75% ต่อปี โดยปกติการส่งผ่านนโยบายการเงินมีหลายช่องทาง ซึ่งช่องทาง "ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงิน" ก็เป็นช่องทางหนึ่ง ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ แต่โดยปกติการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะพิจารณาบริบทธุรกิจและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม จะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ในการปรับลดลง แต่ผลของดอกเบี้ยจะน้อยกว่า 2 ครั้งก่อนหน้า เพราะในภาวะดอกเบี้ยต่ำและความไม่แน่นอน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการลดดอกเบี้ยจะลดลง (อินโฟเควสท์)
ศาล รธน.สั่ง "ทวี สอดส่อง" หยุดปฏิบัติหน้าที่คุม DSI-นั่งรอง ปธ.คดีพิเศษ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนที่เป็นการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษตั้งแต่วันนี้จนกว่าศาลธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในคดีที่กลุ่ม สว.เข้าชื่อยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง หลังกลุ่ม สว.ได้ยื่นคำร้องเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 14 พ.ค.68 คดีนี้สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับคำร้องของกลุ่ม สว.จำนวน 92 คนที่เข้าชื่อยื่นเรื่องให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม สิ้นสุดลงหรือไม่ จากการเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษให้รับกรณีทุจริตเลือก สว.เมื่อปี 67 เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพ.ต.อ.ทวี ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่และอำนาจในการสั่งและปฏิบัติราชการในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการราชการกระทรวงยุติธรรม อันรวมไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตามคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ทวี มีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.ยุติธรรม เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษและรองประธานกรรมการคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนนายภูมิธรรม ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่า ยังไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 2.32 จุดเศรษฐกิจไทยโตต่ำถ่วง จับตา PPI-ยอดค้าปลีกสหรัฐชี้ทิศทางเงินเฟ้อ SET ปิดวันนี้ที่ 1,216.71 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด (+0.19%) มูลค่าซื้อขาย 43,111.85 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ออกข้าง ลดความร้อนแรงจากช่วงต้นเดือน แม้ดีลเจรจาลดภาษีของสหรัฐ-จีนยังช่วยหนุน แต่เศรษฐกิจไทยคาดโตต่ำเป็นปัจจัยถ่วง แนวโน้มพรุ่งนี้ติดตามทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐผ่านตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) และยอดค้าปลีก รวมถึงรายงานผลประกอบการ บจ.ไทยที่เหลือ ให้แนวต้าน 1,230 จุด แนวรับ 1,200 จุด (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.18 ระหว่างวันผันผวนไร้ทิศทาง ตลาดจับตาถ้อยแถลงจนท.เฟด นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.18 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.30/32 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่แข็งค่า หลังตลาดย่อยข่าวตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อวานนี้ แต่เงินบาทอ่อนค่าจากราคาทองที่ย่อลง และต่างชาติขายพันธบัตรประมาณ 7,800 ล้านบาท สำหรับประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ต้องติดตามคืนนี้ คือถ้อยแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.10-33.40 บาท/ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 85,820 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 85,820 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 14,333 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 467 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 7,831 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.67% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.01% (อินโฟเควสท์)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการเบื้องต้น) อังกฤษ
- ดุลการค้าเดือนมี.ค. อังกฤษ
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่สอง) ยุโรป
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ
- ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. สหรัฐฯ
- ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. สหรัฐฯ
- ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก สหรัฐฯ
- ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ
- การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. สหรัฐฯ
- สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. สหรัฐฯ
- ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) สหรัฐฯ