• X
  • ค้นหา
  • TH EN
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
  1. หน้าแรก
  2. KTAM Daily News
  3. สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน

สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน

สหรัฐฯ
สหรัฐเผยดัชนี CPI +2.4% เดือนพ.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้ ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.2% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.2% ในเดือนเม.ย. (อินโฟเควสท์)
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรล EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 403,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล (อินโฟเควสท์)
นักลงทุนคาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 2 ครั้งปีนี้ เริ่มเดือนก.ย. หลังเผย CPI ต่ำคาด นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือนก.ย. และจะปรับลดเพียง 2 ครั้งในปีนี้ หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย. นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. (อินโฟเควสท์)
"ทรัมป์" เผยจีนจะจัดส่งแร่ธาตุหายากแก่สหรัฐตามข้อตกลงการค้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนจะจัดส่งแร่ธาตุหายากให้แก่สหรัฐตามข้อตกลงทางการค้าที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุก่อนหน้านี้ "สหรัฐและจีนมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม" "เราได้ภาษีศุลกากรรวม 55% ขณะที่จีนได้ 10%" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Truth Social นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องผ่านการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากเขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าวันที่ 2 ที่กรุงลอนดอนแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุกรอบการทำงานเพื่อดำเนินการตามฉันทามติที่ตกลงร่วมกันในนครเจนีวา และตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ให้คำมั่นร่วมกันในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้จีนยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายาก ขณะที่สหรัฐจะผ่อนคลายการควบคุมการขายเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับจีน (อินโฟเควสท์)
ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ นัดไต่สวนคดีภาษีทรัมป์ 31 ก.ค. ระหว่างนี้ยังมีผลบังคับใช้ได้ ศาลอุทธรณ์กลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีคำสั่งล่าสุดว่า ภาษีนำเข้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคยประกาศใช้ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปในระหว่างที่การอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้นกำลังดำเนินอยู่ แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้ตัดสินว่าภาษีเหล่านี้มีความชอบด้วยกฎหมายภายใต้กฎหมาย IEEPA ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจพิเศษทางเศรษฐกิจในภาวะฉุกเฉินระดับนานาชาติ แต่ศาลก็เห็นควรให้ภาษีดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้ในระหว่างที่การพิจารณาคดียังไม่แล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้พิพากษา 3 คนเป็นองค์คณะ พิจารณาว่า การที่ทรัมป์ใช้อำนาจกำหนดภาษีนำเข้าถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอำนาจในการเก็บภาษีเป็นของรัฐสภา และการที่ทรัมป์อ้างใช้กฎหมาย IEEPA นั้น ยังเกินขอบเขตการใช้กฎหมายที่มีไว้สำหรับการรับมือภัยคุกคามพิเศษในยามฉุกเฉิน ศาลอุทธรณ์ระบุว่า คดีนี้มีลักษณะพิเศษและส่งผลสำคัญต่อระบบกฎหมาย จึงจะพิจารณาโดยคณะผู้พิพากษาทั้ง 11 คนของศาลฯ แทนการพิจารณาโดยผู้พิพากษา 3 คนตามปกติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยมีกำหนดนัดไต่สวนในวันที่ 31 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ คำสั่งศาลอุทธรณ์ล่าสุดเปิดทางให้ทรัมป์ยังสามารถบังคับใช้มาตรการที่รู้จักกันในชื่อ "ภาษีวันปลดแอก" ซึ่งมุ่งเป้าไปยังประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึงภาษีนำเข้าอีกชุดที่ใช้กับแคนาดา จีน และเม็กซิโก แม้ศาลชั้นต้นตัดสินให้ระงับการบังคับใช้ชั่วคราวก็ตาม (อินโฟเควสท์)
สื่อตีข่าว "สก็อตต์ เบสเซนต์" จ่อนั่งเก้าอี้ประธานเฟดหลัง "พาวเวล" หมดวาระปีหน้า สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อจากเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระการทำหน้าที่ประธานเฟดในเดือนพ.ค. 2569 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เบสเซนต์เป็นหนึ่งในตัวเลือกเพียงไม่กี่คนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด โดยตัวเลือกอื่น ๆ นั้นรวมถึงเควิน วอร์ช อดีตเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งเป็นผู้ที่ทรัมป์เคยสัมภาษณ์ในช่วงที่เฟ้นหาผู้ที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) ว่า เขาจะแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งประธานเฟดต่อจากพาวเวลในเร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่มีการเริ่มต้นสัมภาษณ์ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่อย่างเป็นทางการ เบสเซนต์ถือเป็นแกนนำในการยกเครื่องระบบการค้าโลกครั้งใหญ่ของรัฐบาลทรัมป์ และมีส่วนร่วมในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีและกฎระเบียบ โดยเขาได้เข้าร่วมการเจรจาการค้ากับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 12 พ.ค. จนนำไปสู่การทำข้อตกลงการค้าชั่วคราว โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องให้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรของแต่ละฝ่ายเป็นเวลา 90 วัน ส่วนพาวเวลนั้น ดูเหมือนทรัมป์จะไม่พอใจกับการดำเนินนโยบายการเงินของประธานเฟดผู้นี้ โดยนับตั้งแต่เขากลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในวาระสอง ทรัมป์เดินหน้ากดดันให้พาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอ้างว่าการที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงเป็นเพราะสหรัฐฯ เผชิญภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง (อินโฟเควสท์)
คอนเนตทิคัตผ่านกฎหมายห้ามหน่วยงานรัฐลงทุน-ถือครองคริปโทฯ ร่างกฎหมายเลขที่ H.B. 7082 ของรัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งเผยแพร่ฉบับเต็มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของรัฐอย่างเป็นเอกฉันท์โดยไม่มีเสียงคัดค้านใด ๆ และขณะนี้ได้ถูกประกาศใช้ในชื่อกฎหมาย Public Act No. 25-66 ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสภานิติบัญญัติของรัฐคอนเนตทิคัต ภายใต้ข้อกฎหมายใหม่นี้ หน่วยงานของรัฐจะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ ถือครอง หรือลงทุนในสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงไม่สามารถจัดตั้งกองทุนสำรองในรูปแบบของเงินดิจิทัลหรือรับการชำระเงินด้วยคริปโทฯ ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ กฎหมายฉบับใหม่ยังวางหลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจคริปโทฯ ที่ให้บริการโอนเงิน โดยกำหนดให้ต้องเปิดเผยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ ทั้งหมดอย่างชัดเจน เข้าใจได้ง่าย และต้องเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังมีข้อกำหนดเพื่อคุ้มครองผู้เยาว์ โดยต้องมีการยืนยันตัวตนของผู้ปกครองตามกฎหมายหากผู้ใช้บริการมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ในขณะที่รัฐคอนเนตทิคัตออกกฎหมายห้ามไม่ให้รัฐและรัฐบาลท้องถิ่นถือครองคริปโทฯ อย่างชัดเจน แต่บางรัฐในสหรัฐฯ กลับดำเนินการในทางตรงกันข้าม ยกตัวอย่างเช่น รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ที่เพิ่งกลายเป็นรัฐแรกที่ผ่านกฎหมายจัดตั้งกองทุนสำรองบิตคอยน์เมื่อเดือนที่แล้ว และรัฐแอริโซนา ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการในทำนองเดียวกัน (อินโฟเควสท์)
นายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิสประกาศเคอร์ฟิว จี้ทรัมป์ถอนกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส (แอลเอ) ประกาศภาวะฉุกเฉินและเคอร์ฟิวบางส่วน โดยมาตรการเคอร์ฟิวจะเริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันอังคารที่ 10 มิ.ย. จนถึงเวลา 06.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น (10.00-20.00 น. วันพุธตามเวลาไทย) พร้อมกับเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ใจกลางแอลเอที่อยู่ภายใต้มาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งคาดว่าจะบังคับใช้ต่อไปอีกหลายวัน "เมื่อคืนนี้มีธุรกิจ 23 แห่งถูกปล้น และฉันคิดว่า ถ้าคุณขับรถผ่านใจกลางเมืองแอลเอ คุณจะเห็นภาพที่ถูกวาดบนกำแพงทุกหนทุกแห่ง และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจและทรัพย์สินหลายแห่ง" บาสส์กล่าว นอกจากนี้ บาสส์ยังได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนกำลังทหารออกจากแอลเอ และยุติปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หน่วยตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ที่บุกจับผู้อพยพ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 1.10 จุด กังวลตะวันออกกลางตึงเครียด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (11 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอคอยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,865.77 จุด ลดลง 1.10 จุด หรือ -0.003%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,022.24 จุด ลดลง 16.57 จุด หรือ -0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,615.88 จุด ลดลง 99.11 จุด หรือ -0.50% ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีพลิกกลับมาปิดตลาดในแดนลบ หลังจากดีดตัวขึ้นในระหว่างวัน โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯ เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่บางส่วนออกจากสถานทูตในอิรัก เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง หากการเจรจานิวเคลียร์ล้มเหลวและความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $3.17 รับข่าวสหรัฐฯเตรียมอพยพจนท.สถานทูตในอิรัก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ (11 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐฯ เตรียมอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในอิรัก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 3.17 ดอลลาร์ หรือ 4.88% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์ หรือ 4.34% ปิดที่ 69.77 ดอลลาร์/บาร์เรล (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า หลังดัชนี CPI สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (11 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.47% แตะที่ 98.631 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.51 เยน จากระดับ 144.96 เยนในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8205 ฟรังก์ จากระดับ 0.8230 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3663 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3690 ดอลลาร์แคนาดา (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก 30 เซนต์ คาด CPI ชะลอตัวหนุนเฟดหั่นดอกเบี้ย สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (11 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 3,343.70 ดอลลาร์/ออนซ์ (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์พลิกร่วง หลัง CPI ต่ำคาด ตลาดจับตาประมูลพันธบัตรวันนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพลิกปรับตัวลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ณ เวลา 20.01 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.426% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.910% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ ผิดหวังผลเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (11 มิ.ย.) เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่หลายคนจับตามองนั้นมีรายละเอียดออกมาน้อยมาก แม้ว่าทั้งสองฝ่ายสัญญาว่าจะมีการทำข้อตกลงระดับสูงเกิดขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 551.64 จุด ลดลง 1.48 จุด หรือ -0.27% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,775.90 จุด ลดลง 28.43 จุด หรือ -0.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,948.90 จุด ลดลง 38.66 จุด หรือ -0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,864.35 จุด เพิ่มขึ้น 11.27 จุด หรือ +0.13% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 11.27 จุด ขานรับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำคาด ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ (11 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากการทบทวนงบประมาณรายจ่ายภาครัฐล่าสุดของสหราชอาณาจักร ร่วมกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ และข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,864.35 จุด เพิ่มขึ้น 11.27 จุด หรือ +0.13% (อินโฟเควสท์)  
ญี่ปุ่น
ดัชนี PPI ญี่ปุ่นเดือนพ.ค. โตแผ่ว 3.2% ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ (11 มิ.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ชะลอลงจากระดับ 4.1% ในเดือนเม.ย. รายงานระบุว่า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ดัชนี PPI ลดลงมาอยู่ในช่วง 3% โดยมีปัจจัยหลักจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหินที่ปรับตัวลง สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี PPI สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในการซื้อขายระหว่างภาคธุรกิจ และเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ส่งผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ควบคู่ไปกับดัชนีราคาบริการระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ (CSPI) ในเดือนพ.ค. ราคาสินค้ากลุ่มเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง พุ่งขึ้น 42.8% เมื่อเทียบรายปี โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาข้าวที่พุ่งสูง และการระบาดของไข้หวัดนก ขณะที่ราคากลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหิน เพิ่มขึ้นเพียง 0.6% ซึ่งลดลงอย่างชัดเจนจากระดับ 6.3% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลง ส่วนค่าบริการไฟฟ้า แก๊ส และน้ำประปา เพิ่มขึ้น 6.5% สาเหตุหลักมาจากการสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนจากภาครัฐ และการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ จากรายการสินค้า 515 รายการที่ BOJ ติดตาม พบว่ามี 364 รายการที่ราคาปรับขึ้น และ 130 รายการที่ราคาปรับลดลง (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่นเดินหน้าสู่สังคมไร้เงินสด ขณะ BOJ เร่งพัฒนาระบบชำระเงินดิจิทัล แม้ญี่ปุ่นยังมีการใช้ธนบัตรในระดับสูง แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประเมินว่า แนวโน้มการใช้งานธนบัตรอาจลดลงอย่างมากในอนาคต เนื่องจากกระแสดิจิทัลที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ BOJ ต้องเร่งวางแผนและพัฒนาระบบการชำระเงินให้ทันสมัยและพร้อมรองรับสภาพสังคมใหม่ BOJ กำลังพิจารณาแนวทางการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) โดยได้เริ่มโครงการนำร่องมาตั้งแต่ปี 2566 พร้อมทั้งมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนและรัฐบาล เพื่อออกแบบโครงสร้างและกลไกของระบบการเงินใหม่นี้ แนวโน้มการชำระเงินแบบไร้เงินสดในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยจากข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ในปี 2567 สัดส่วนการชำระเงินแบบไร้เงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 42.8% จาก 13.2% ในปี 2553 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40% ถึงหนึ่งปี แม้ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ช้ากว่าหลายประเทศในด้านเทคโนโลยีการชำระเงิน แต่การเติบโตของการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลทำให้ผู้กำหนดนโยบายต้องตระหนักและปรับตัว เพื่อให้ระบบการชำระเงินมีความสะดวก มีประสิทธิภาพ เข้าถึงได้ง่าย และปลอดภัยในระยะยาว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ BOJ มองว่า CBDC มีศักยภาพที่จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของระบบการเงินในอนาคตของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม BOJ ยังไม่คาดว่าความต้องการใช้เงินสดในประเทศจะหมดไปในเร็ววัน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดบวก 209.68 จุด ขานรับเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ (11 มิ.ย.) ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 หลังสหรัฐฯ และจีนตกลงกันได้เกี่ยวกับกรอบความร่วมมือเพื่อผ่อนคลายข้อจำกัดในภาคส่วนที่สำคัญ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,421.19 จุด เพิ่มขึ้น 209.68 จุด หรือ +0.55% (อินโฟเควสท์)
จีน
จีนขานรับกรอบการทำงาน เรียกร้องสหรัฐฯ ทำตามที่คุยกันไว้ จีนขานรับการบรรลุกรอบความร่วมมือใหม่ที่จะช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการเจรจาอันเข้มข้นเป็นเวลาสองวันที่กรุงลอนดอน พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยึดมั่นในข้อตกลง และคงการหารือกันต่อไปเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพ เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาของจีน เรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับจีนผ่านการเจรจาที่เท่าเทียมและความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน โดยจีนย้ำว่าสหรัฐฯ ควรทำงานร่วมกับจีนเพื่อเปลี่ยนคำพูดเป็นการกระทำ แสดงความจริงใจในการรักษาพันธสัญญา และพยายามอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อนำฉันทามติไปสู่การปฏิบัติ เพื่อร่วมกันปกป้องผลลัพธ์จากการเจรจาที่ได้มาอย่างยากลำบาก "ในขั้นตอนต่อไป ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตามฉันทามติและข้อกำหนดสำคัญที่ผู้นำของทั้งสองประเทศเห็นชอบในการสนทนาทางโทรศัพท์ และให้กลไกการปรึกษาหารือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ ทำหน้าที่ที่ดีต่อไป" เหอกล่าว พร้อมกับเสริมว่า ทั้งสองฝ่ายควร "แสดงเจตนารมณ์ที่ดีในการปฏิบัติตามพันธสัญญาและร่วมกันปกป้องผลลัพธ์จากการเจรจาที่ได้มาอย่างยากลำบาก" อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือใหม่นี้ (อินโฟเควสท์)
จีนเปิดรับธุรกิจต่างชาติเข้าลงทุนมากขึ้น มั่นใจเอื้อประโยชน์ทุกฝ่าย หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า จีนเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศจีนมากขึ้น โดยมองว่าการเปิดกว้างในเรื่องดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางของประเทศทั่วโลกและเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จีนกำลังเร่งเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตที่มีคุณภาพ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินได้เปิดเผยแนวทางดังกล่าวหลังจากผู้สื่อข่าวขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน โดยเขากล่าวว่า "ความจริงที่ว่าธุรกิจต่างชาติเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อจีนมากขึ้นนั้น เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพและมีการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง อีกทั้งยังมีการเปิดกว้างด้านการลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจทั่วโลกให้คุณค่ากับจีนมากเพียงใด โดยทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากพลวัตอันแข็งแกร่งที่เกิดจากการผลิตแบบใหม่ที่มีคุณภาพและระบบนิเวศที่มีการนวัตกรรมของจีน ทั้งนี้ หลินกล่าวว่า เพื่อให้การเปิดกว้างทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนได้เปิดตัวแผนปฏิบัติการประจำปี 2568 เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับการลงทุนจากต่างประเทศ (2025 Action Plan for Stabilizing Foreign Investment) ตลอดจนปรับปรุงและขยายโครงการสนับสนุนการลงทุนต่างชาติในหลายภาคส่วนอุตสาหกรรม (Catalogue of Encouraged Industries for Foreign Investment) นอกจากนี้ หลินระบุว่า มีบริษัทต่างชาติจำนวนมากขึ้นที่เลือกจะทำธุรกิจด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ในจีน และนำผลิตภัณฑ์จากจีนไปเปิดตัวในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นการสร้างพลวัตที่ดีระหว่างตลาดและภาคธุรกิจ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 17.50 จุด ขานรับเจรจาการค้าคืบหน้า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกในวันนี้ (11 มิ.ย.) ขานรับสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,402.32 จุด เพิ่มขึ้น 17.50 จุด หรือ +0.52% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดบวก 204.07 จุด หลังเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ คืบหน้า ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ (11 มิ.ย.) ขานรับเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ บรรลุฉันทามติด้านการค้า หลังเสร็จสิ้นการเจรจาระดับสูงเป็นวันที่สองที่กรุงลอนดอน โดยมีเป้าหมายที่จะยุติข้อพิพาททางการค้าและแก้ไขข้อจำกัดด้านการส่งออกแร่หายาก ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 24,366.94 จุด เพิ่มขึ้น 204.07 จุด หรือ +0.84% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
เกาหลีใต้จ้างงานเพิ่ม 245,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. แต่จ้างงานภาคการผลิตยังอ่อนแอ สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (11 มิ.ย.) ว่า ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 245,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. แตะที่ระดับ 29.16 ล้านตำแหน่ง โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 ที่ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ของเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 5 หลังจากตัวเลขจ้างงานลดลงในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นตัวเลขจ้างงานลดลง 52,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขจ้างงานโดยรวมในเดือนพ.ค.จะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่การจ้างงานในภาคการผลิตและการก่อสร้างยังคงซบเซา โดยตัวเลขจ้างงานในภาคการผลิตซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเกาหลีใต้นั้น ปรับตัวลดลง 67,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบเป็นรายปี และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ขณะที่การจ้างงานในภาคการก่อสร้างลดลง 106,000 ตำแหน่ง ซึ่งปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขจ้างงานโดยรวมเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.นั้น ส่วนใหญ่มาจากการจ้างงานในกลุ่มประชากรสูงอายุ โดยการจ้างงานในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปพุ่งขึ้น 370,000 ตำแหน่ง ขณะที่การจ้างงานในกลุ่มผู้ที่มีอายุในช่วง 30 ปีเพิ่มขึ้น 132,000 ตำแหน่ง สวนทางกับการจ้างงานในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย โดยตัวเลขการจ้างงานในกลุ่มผู้ที่มีอายุในช่วง 20 ปีลดลง 124,000 ตำแหน่ง (อินโฟเควสท์)
อิหร่านพร้อมถล่มฐานทัพสหรัฐฯ หากเกิดเหตุปะทะทางทหารตามคำขู่ อาซิซ นาซีร์ซาเดห์ รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน กล่าวเตือนว่า อิหร่านพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง หากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งใหม่กับสหรัฐฯ ล้มเหลว และนำไปสู่เหตุปะทะทางทหาร นาซีร์ซาเดห์แถลงต่อสื่อมวลชนในวันนี้ (11 มิ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรงข้ามบางรายข่มขู่ว่าจะใช้กำลัง หากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมย้ำว่า หากเกิดความขัดแย้งขึ้น ฐานทัพสหรัฐฯ ทั่วทั้งภูมิภาคจะตกเป็นเป้าโจมตี และฝ่ายตนจะไม่ลังเลในการตอบโต้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ข่มขู่ว่าจะใช้กำลังทหารด้วยการทิ้งระเบิด หากอิหร่านไม่ยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ที่สหรัฐฯ เสนอ (อินโฟเควสท์)
อิหร่านเผยการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ "กำลังอยู่แค่เอื้อม" นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า การบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของอิหร่าน "กำลังอยู่แค่เอื้อม" "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในขณะเข้ารับตำแหน่งว่า อิหร่านไม่ควรมีอาวุธนิวเคลียร์ สิ่งนี้สอดคล้องกับหลักการของเรา และสามารถใช้เป็นรากฐานหลักสำหรับการทำข้อตกลง" "เป็นที่ชัดเจนว่าการทำข้อตกลงที่จะรับประกันโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของอิหร่านกำลังอยู่แค่เอื้อม และอาจบรรลุได้อย่างรวดเร็ว" นายอารักชีโพสต์ข้อความบน X อย่างไรก็ดี นายอารักชีย้ำว่า "ผลลัพธ์ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 2 ประการ ได้แก่ การที่อิหร่านยังคงสามารถดำเนินโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) และการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ" ทั้งนี้ อิหร่านและสหรัฐจะจัดการเจรจานิวเคลียร์ทางอ้อมรอบที่ 6 ในวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย.ที่กรุงมัสกัต เมืองหลวงของโอมาน (อินโฟเควสท์)
"ทรัมป์" แจ้ง "เนทันยาฮู" ยุติสงครามกาซา/เลิกข่มขู่โจมตีอิหร่าน สำนักข่าว CNN รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้แจ้งต่อนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้ยุติสงครามในฉนวนกาซา และเลิกการข่มขู่โจมตีอิหร่าน ผู้นำทั้งสองได้สนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การสนทนาเป็นไปด้วยดีและราบรื่น ทั้งนี้ การเรียกร้องให้อิสราเอลเปลี่ยนแปลงท่าทีในครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่สหรัฐกำลังผลักดันข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน รวมทั้งกำลังเจรจากับกลุ่มฮามาสเกี่ยวกับแผนการหยุดยิงในฉนวนกาซา (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex บวกกว่า 100 จุด ขานรับเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 82,515.14 บวก 123.42 จุด หรือ 0.15% หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ (อินโฟเควสท์)
ไทย
คลัง คาดชงโครงการใช้งบกระตุ้นศก. 1.57 แสนลบ. เสนอบอร์ดใหญ่ใน 1-2 สัปดาห์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสามารถสรุปการจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ยื่นเข้ามาขอใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท และนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อพิจารณาได้ โดยระหว่างนี้ คณะอนุกรรมการฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการที่จะใช้เม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีคำขอใช้งบประมาณเข้ามาแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งได้มีการเชิญหน่วยงานต้นสังกัดของโครงการต่าง ๆ เข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งชี้แจงความจำเป็นในมิติต่าง ๆ ของการใช้งบประมาณก้อนนี้ "ตัวเลขสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คงพูดวันนี้ไม่ได้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ อยู่ระหว่างพิจารณาในมิติต่าง ๆ อย่าลืมว่าตรงนี้เป็นเงินจำนวนมาก และมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลและผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ จะต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน ใช้ความวิริยะอุตสาหะ และใช้ความรอบคอบในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ" รมช.คลัง ระบุ หากถามว่าข้อมูลเศรษฐกิจตอนนี้ นิ่งแล้วหรือยัง คำตอบคือ "ยังไม่นิ่ง" ซึ่งในส่วนของประเทศไทย กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเข้าสู่การเจรจาอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่รัฐบาลทำงานเบื้องหลังมานานแล้ว และเชื่อว่าผลของการเจรจาน่าจะมีแนวโน้มที่ดีด้วย (อินโฟเควสท์)
มือกฎหมาย "เพื่อไทย" ชี้ ใช้งบแปรญัตติทำ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับคำร้องกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพวก จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง เนื่องจากมีการนำงบประมาณบางส่วนไปใช้ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ชี้แจงว่าการนำงบประมาณที่ กมธ.ปรับลดจำนวน 35,000 ล้านบาท ไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต) ไม่เข้าข่ายข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่เป็นการห้ามแปรญัตติปรับลด หรือตัดทอนรายการเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย "รายการทั้ง 3 นี้ เรียกว่ารายการงบประมาณเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ เป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และหนี้ของรัฐวิสาหกิจ รวม 7 หน่วยงาน เป็นหนี้สาธารณะ ที่บังคับให้รัฐต้องตั้งงบประมาณชดใช้ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ จะเอาแต่กู้ แต่ไม่ใช้คืน ประเทศก็จะล้มละลาย รายการทั้ง 3 นี้ จึงห้ามกรรมาธิการปรับลดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคแรก" นายชูศักดิ์ ระบุ สำหรับรายการส่วนที่ปรับลดไป 35,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณในส่วนที่กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่งได้ทบทวนงบประมาณในส่วนที่สามารถชะลอการดำเนินการได้ และเป็นงบประมาณในส่วนของการชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ อันเกิดจากโครงการของรัฐบาล ซึ่งรัฐต้องรับภาระชดเชยให้ โดยสามารถที่จะมียอดค้างได้ทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 32% ของงบประมาณแผ่นดิน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด (อินโฟเควสท์)
"ทักษิณ" ไม่ไปศาล 13 มิ.ย. ส่งทนายเป็นตัวแทน-ขอขยายเวลาส่งคำชี้แจง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.68 นายทักษิณไม่ได้เดินทางไปศาลฯ แต่ตนจะเป็นตัวแทนเดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามคำสั่งนัดพร้อมหรือนัดไต่สวนเวลา 09.30 น. "วันที่ 13 มิ.ย.68 นายทักษิณไม่ได้เดินทางไปศาลฯ ผมจะไปศาลฯ เพื่อดำเนินการแทน ซึ่งยังไม่รู้ว่าศาลฯ จะให้ดำเนินการอย่างไรบ้าง" นายวิญญัติ กล่าว ส่วนกรณีที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับโทษที่ผ่านมานั้น ศาลฎีกาฯ อนุญาตขยายเวลาให้ส่งคำชี้แจงออกไปถึงวันที่ 23 มิ.ย.68 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 2.42 จุดรับสัญญาณบวกเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ แต่กังวลเศรษฐกิจ-การเมืองยืดเยื้อกดดัน SET ปิดวันนี้ที่ 1,141.58 จุด เพิ่มขึ้น 2.42 จุด (+0.21%) มูลค่าซื้อขาย 26,216.13 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีแกว่งแดนบวกอ่อน ๆ ได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ หลังการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ มีสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามดัชนีถูกกดดันจากแรงขายกลุ่มไฟแนนซ์ จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แต่มีแรงซื้อในกลุ่ม China Plays เข้ามาพยุงดัชนี นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังถูกดดันจากการเมืองในประเทศที่ยังคลุมเครือ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งในกรอบ แนะติดตามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,130 จุดและแนวต้าน 1,150 จุด (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.63/64 ลุ้นตัวเลข CPI สหรัฐคืนนี้กำหนดทิศทาง นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.63/64 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.57 - 32.68 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทวิ่งในกรอบ ยังไร้ปัจจัยใหม่เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยตลาดรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า Core CPI จะอยู่ที่ 0.3% เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วเล็กน้อย นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.80 บาท/ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 142,104 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 142,104 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ขายสุทธิ 11,414 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 2,404 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 1,928 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน (อินโฟเควสท์)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนเม.ย. อังกฤษ
  • ดุลการค้าเดือนเม.ย. อังกฤษ
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ
  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. สหรัฐฯ

แชร์เรื่องนี้

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

News Demo
18
กรกฎาคม
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ
News Demo
17
กรกฎาคม
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ
News Demo
16
กรกฎาคม
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ

Shortcut Menu

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
    โครงสร้างพื้นฐาน
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนผลงานดี
  • ตารางจ่ายเงินปันผล
  • ข่าว/บทวิเคราะห์
  • กลยุทธ์การลงทุน
  • กำหนดการและแบบฟอร์ม
  • โปรโมชั่น
  • ปฏิทินกองทุน
  • ภาพกิจกรรม
  • ประกาศราคากลาง
  • AIMC Category
    Performance Report
  • ถาม-ตอบ
  • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
  • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
  • การตั้งค่าคุกกี้
  • สมัครรับข่าวสาร
  • ติดต่อเรา
  • ร่วมงานกับเรา
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

อีเมล: callcenter@ktam.co.th

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

  • พันธมิตรธุรกิจ
  • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
  • แผนผังเว็บไซต์

การใช้และการจัดการคุกกี้

เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

 การใช้และการจัดการคุกกี้

เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


การกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้ที่จำเป็น

คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

คุกกี้วิเคราะห์

เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง