• X
  • ค้นหา
  • TH EN
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
  1. หน้าแรก
  2. KTAM Edutainment
  3. การสร้างเกราะป้องกันพอร์ตโฟลิโอเผื่ออนาคต

การสร้างเกราะป้องกันพอร์ตโฟลิโอเผื่ออนาคต

การสร้างเกราะป้องกันพอร์ตโฟลิโอเผื่ออนาคต เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ราวกับมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นในทุกวัน การลงทุนระยะยาวอาจไม่ใช่แค่การสร้างพอร์ตโฟลิโอ แล้วปล่อยเอาไว้เฉย ๆ โดยไม่ดูแลได้

นักลงทุนจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น AI ที่เข้ามาแทนที่สารพัดงาน การปรับฐานอย่างรวดเร็วของตลาดคริปโตอีกครั้ง หรือการเข้าสู่เทรนด์ใหญ่ที่ทุกคนกำลังพูดถึง หากไม่ปรับตัว ก็อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในโลกการลงทุนที่ไม่เคยหยุดนิ่งอย่างในปัจจุบันนี้

แล้วเราจะสามารถป้องกันพอร์ตโฟลิโอจากการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างไร? นี่คือการวางแผน ที่จะช่วยให้คุณนำหน้าการเปลี่ยนแปลง แทนที่จะอยู่รัังท้ายในสนามการลงทุน

1. ระบุ Megatrends และทำความเข้าใจอย่างแท้จริง
“Megatrend” ไม่ใช่แค่คำยอดนิยมในหมู่นักลงทุน แต่เป็นปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกได้จริง เช่น กำเนิด AI, พลังงานสะอาด, blockchain, biotech, cybersecurity และการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสที่พูดถึงกันทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นพลังที่จะกำหนดทิศทางตลาดในทศวรรษหน้าและต่อไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ AI หลายคนยังไม่เข้าใจ ว่า AI ไม่ได้จำกัดแค่ ChatGPT ที่โต้ตอบด้วยคำพูดชาญฉลาดเท่านั้น แต่คือการปฏิวัติครั้งใหญ่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ยานยนต์ไร้คนขับ การวิเคราะห์เสมือนแพทย์ที่แม่นยำ ไปจนถึงการวิเคราะห์การเงินขั้นสูง ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่เท่านั้นที่ได้รับประโยชน์ แต่ยังมีผู้เล่นรายเล็กที่สร้างนวัตกรรมแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง หลัง AI ได้รับการพัฒนามากขึ้น

หัวใจสำคัญคือการเข้าใจเทรนด์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ตามกระแสหรืออ่านพาดหัวข่าว ต้องติดตามลงในระดับอุตสาหกรรม ศึกษาบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญและเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังว่าทำไม Megatrend เหล่านั้นจึงมีมูลค่าต่อการลงทุน ก่อนที่จะลงเงินไปจริง ๆ

2. กระจายความเสี่ยงให้กว้างที่สุดเท่าที่ทำได้ (เพราะมันสำคัญจริง ๆ)
เรื่องนี้อาจฟังดูซ้ำซาก แต่การกระจายความเสี่ยงก็เหมือนกับการอัปเกรดอุปกรณ์ให้ครบก่อนเข้าสู่สมรภูมิอยู่เสมอ อาจไม่ได้ตื่นเต้น แต่ก็ช่วยให้รอดพ้นจากวิกฤติได้ การกระจายความเสี่ยงนี้ ไม่ได้หมายถึงการถือหุ้นจำนวนหลายตัวเท่านั้น แต่คือการผสมผสานสินทรัพย์ ต่างตลาดต่างภูมิภาค และกระจายกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกันอย่างชาญฉลาด เช่น
- หุ้นเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าควรต้องมี แต่ลองเพิ่มสัดส่วนด้านพลังงานสะอาด, Healthcare REITs หรือแม้กระทั่งตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงเข้าไปด้วย
- Crypto? อาจจะใช่ แต่ควรถ่วงดุลด้วยหุ้นที่ให้ปันผลมั่นคงหรือสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ๆ ควบคู่กัน
- Industrial REITs, Healthcare REITs, Data Center REITs การลงทุนใน REITs ควรมีกลยุทธ์ที่หลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมโอกาสการเติบโตในระยะยาว

การลงทุนที่ดีควรจะเหมือนกับการสร้างทีมในเกมโปรด ที่ต้องมีความหลากหลาย ครอบคลุม และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในตลาด

3. คงความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ
แนวคิด “Hold forever” อาจฟังดูสมบูรณ์แบบ จนกว่าความเป็นจริงจะมาพิสูจน์ว่ามันไม่ได้ผลเสมอไป แต่ในบางครั้งความยืดหยุ่นก็คือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการยึดติดกับกลยุทธ์เดิมตลอดไป
การถือครองสินทรัพย์บางส่วนในรูปแบบ liquid assets เช่น เงินสดหรือ ETF ที่มีสภาพคล่องสูง อาจสามารถช่วยให้ปรับตัวได้รวดเร็วเมื่อโอกาสที่ดีมาถึง (ซึ่งมันจะมาถึงอย่างแน่นอน)
ดังนั้น จุดสำคัญ คือ การมีเงินสดสำรองไม่ใช่จุดอ่อน แต่เหมือนการถือไพ่ล้ำค่าไว้ในมือ รอจังหวะที่ดีที่สุดเพื่อเล่นให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด

4. คิดแบบ Global ไม่ใช่แค่ Local
การกระจายการลงทุนในเศรษฐกิจเดียว เปรียบเสมือนการเดิมพันทั้งหมดกับม้าเพียงตัวเดียว แต่ทว่า แม้แต่ม้าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมีโอกาสสะดุดได้ การเพิ่มขอบเขตการลงทุนไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ กับมุมมองใหม่ ๆ จึงเป็นหัวใจของการสร้างความมั่นคงได้ เช่น

• China’s tech sector? ยังคงเป็นแหล่งโอกาสสูง มีความต้องการรองรับ แม้จะมีอุปสรรคจากกฎระเบียบที่เข้มงวดและการแข่งขันที่รุนแรงกับสหรัฐฯ
• Europe’s renewable energy push? ด้วยโอกาสจากเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน และจริงจังในภูมิภาคยุโรป
• Emerging markets? มีความเสี่ยง แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสการเติบโตที่ยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มที่
ดังนั้นการลงทุนแบบ Global คือการสร้างตาข่ายนิรภัยที่ช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเศรษฐกิจใดเศรษฐกิจหนึ่งเกิดปัญหา เพื่อให้พอร์ตโฟลิโอแข็งแกร่งและยั่งยืนกว่าเดิม

5. ปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโออย่างสม่ำเสมอ
การถือครองสินทรัพย์แบบเดิมตลอดไป อาจทำให้พลาดโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เหมือนกับการถือหุ้นที่เคยรุ่งเรืองอย่างโรงหนัง Blockbuster ในวันที่ Netflix กำลังครองตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ

พอร์ตโฟลิโอที่เคยเน้นเทคโนโลยีอาจทำกำไรได้ดีเมื่อปีที่แล้ว แต่ในปีนี้อาจกลายเป็นภาระเมื่อกระแสการลงทุนเปลี่ยนไป หรือมีธีมที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นมาใหม่ การปรับพอร์ตให้เข้ากับเทรนด์ใหม่เหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น
การปรับสมดุลอย่างต่อเนื่องแทนการถือยึดติดกับธีมเดียว จะช่วยให้พอร์ตการลงทุนคงประสิทธิภาพที่ดีและเติบโตไปพร้อมกับทิศทางที่ถูกต้องในระยะยาวได้

6. ติดตามเงินทุน ไม่ใช่แค่ความนิยม
ทุกวันนี้ มีเรื่องใหม่ ๆ ให้พูดถึงกันรายวัน ตั้งแต่ NFTs, meme stocks ไปจนถึงเทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งความนิยมอาจทำกำไรได้เร็ว แต่ก็เสี่ยงที่จะสูญเสียทุกอย่างอย่างรวดเร็วเช่นกัน
การไล่ตามกระแสเป็นความเสี่ยงที่อันตราย สิ่งที่ดูร้อนแรงวันนี้อาจกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืมในพรุ่งนี้ เช่น meme stocks ที่ราคาพุ่งขึ้นลงมากกว่า 100% ภายในไม่กี่วัน เพราะกระแสในโซเชียลมีเดีย

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การติดตามเงินทุนที่แท้จริง เช่น งบการเงิน กระแสเงินสด หรือการเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบัน ใช้ความนิยมเป็นจุดเริ่มต้นศึกษาเพิ่มเติม ไม่ใช่แค่ตามกระแสเพื่อไล่ราคา
นอกจากนี้ การวิเคราะห์ควรมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และการติดตามแนวโน้มการลงทุนของผู้เล่นรายใหญ่ จะช่วยแยกแยะระหว่างโอกาสที่แท้จริงกับแค่กระแสที่ฉาบฉวย เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยกว่าในระยะยาว

บทสรุป
วิธีการป้องกันพอร์ตโฟลิโอของคุณจากอนาคตคือ เรื่องของความสมดุล ความยืดหยุ่น และความอยากรู้อยากเห็น มันเกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสม่ำเสมอแทนที่จะต่อต้านหรือปล่อยผ่าน
ด้วยแนวทางนี้ ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังตื่นตระหนก คุณจะยิ้มได้อย่างมั่นใจเพราะคุณได้วางตำแหน่งตัวเองให้นำหน้าการเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว 

ถ้าพร้อมแล้ว…ไปสร้างพอร์ตโฟลิโอที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงกันเถอะ! 
สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn

คำเตือน : ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
 
ผู้เขียน : เขมรัฐ ทรงอยู่
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย

แชร์เรื่องนี้

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

News Demo
13
มิถุนายน
2568
จาก “Impulse Spending” สู่ “Conscious Investing”
อ่านต่อ
News Demo
06
มิถุนายน
2568
เกาะเทรนด์ราคาทอง ด้วยหุ้นเหมืองทองคำ…ปลดล็อกที่โอกาสมากกว่าการถือทองคำแท่ง
อ่านต่อ
News Demo
23
พฤษภาคม
2568
ลงทุนให้สนุกได้ไหม? วิธีเปลี่ยนความชอบส่วนตัวให้กลายเป็นพอร์ตการลงทุน
อ่านต่อ

Shortcut Menu

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
    โครงสร้างพื้นฐาน
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนผลงานดี
  • ตารางจ่ายเงินปันผล
  • ข่าว/บทวิเคราะห์
  • กลยุทธ์การลงทุน
  • กำหนดการและแบบฟอร์ม
  • โปรโมชั่น
  • ปฏิทินกองทุน
  • ภาพกิจกรรม
  • ประกาศราคากลาง
  • AIMC Category
    Performance Report
  • ถาม-ตอบ
  • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
  • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
  • การตั้งค่าคุกกี้
  • สมัครรับข่าวสาร
  • ติดต่อเรา
  • ร่วมงานกับเรา
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

อีเมล: callcenter@ktam.co.th

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

  • พันธมิตรธุรกิจ
  • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
  • แผนผังเว็บไซต์

การใช้และการจัดการคุกกี้

เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

 การใช้และการจัดการคุกกี้

เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


การกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้ที่จำเป็น

คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

คุกกี้วิเคราะห์

เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง