เกาะเทรนด์ราคาทอง ด้วยหุ้นเหมืองทองคำ…ปลดล็อกที่โอกาสมากกว่าการถือทองคำแท่ง
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก หนุนให้ fund flow กลับมาหา “ทองคำ” อีกครั้ง ไม่ว่าจะผ่านทองคำแท่ง ผ่านกองทุน ETF หรือ Gold Futures
แต่นอกเหนือจากเครื่องมือเหล่านี้ นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งกลับให้ความสนใจกับ “หุ้นเหมืองทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ในฐานะทางเลือกที่อาจให้ผลตอบแทนมากกว่า ในรอบทองคำขาขึ้น เราลองมาดูกันว่า ทำไมหุ้นเหมืองทองจึงกลายเป็น “อาวุธลับ” ของนักลงทุนสายทองคำในเวลานี้
1. หุ้นเหมืองทองให้โอกาสรับผลตอบแทนพร้อม “ตัวคูณ” จากราคาทอง
หุ้นเหมืองทองไม่ใช่เพียงการลงทุนที่คาดหวังให้เกาะตามราคาทองเท่านั้น แต่ราคาหุ้นมักตอบสนองด้วย “ตัว คูณ” (leverage) เชิงกำไร เนื่องจากต้นทุนผลิตทองคำส่วนใหญ่จะคงที่ต่อน้ำหนัก ในขณะที่ราคาขายเคลื่อนไหวไปตามตลาด เมื่อราคาทองขยับขึ้น รายได้ส่วนต่างก็จะวิ่งเข้าสู่กำไรโดยตรง ตัวอย่างเช่น หากต้นทุนการผลิตของบริษัทอยู่ที่ $1,500/ออนซ์ และราคาทองคำขยับขึ้นจาก $2,500 เป็น $3,000 กำไรต่อออนซ์ก็จะเพิ่มขึ้นจาก $1,000 เป็น $1500 หรือคิดเป็นกำไรเพิ่ม +50% แม้ราคาทองจะเพิ่มเพียง 20% ก็ตาม
2. สถิติในอดีตชี้ชัดว่าหุ้นเหมืองทองมักทำได้ดีกว่าทองคำ
ข้อมูลจากรอบขาขึ้นในอดีตแสดงให้เห็นผลตอบแทนอย่างชัดเจน เช่น
• ปี 2559–2563: ราคาทองคำ +70% / หุ้นเหมืองทอง* +300%
• ปี 2563: ราคาทองคำ +40% / หุ้นเหมืองทอง+134%
• YTD 2568 ราคาทองคำ +26% / หุ้นเหมืองทอง +49% (ณ สิ้นสุดวันที่ 28 พฤษภาคม 2568)
ซึ่งสะท้อนว่าในสภาวะที่ตลาดทองคำเป็นขาขึ้นชัดเจน หุ้นเหมืองสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าทองคำ 2–4 เท่า**
*ผลตอบแทนของราคาทองคำ อ้างอิงจาก XAU/USD ขณะที่หุ้นเหมืองทองอ้างอิงจากราคา NYSE Arca Gold Miners Index (USD)
**ตัวคูณนี้จะแตกต่างออกไปในแต่ละบริษัท เนื่องจากโครงสร้างกำไรที่แตกต่างกัน มักขึ้นอยู่กับการขายสัญญา ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางรายได้ (hedging) และ/หรือมีภาระผูกพันธ์ด้านต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าสัมปทานภาครัฐ
3. ราคาทองสูง = กำไรเหมืองทองพุ่ง
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ราคาทองเฉลี่ยอยู่ที่ $2,661/oz ขณะที่ต้นทุนผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ $1,454/oz ทำให้ กำไรเฉลี่ยอยู่ที่ $1,207 ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 77.5% จากปีก่อนหน้า บางบริษัทเหมืองทองมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% แม้ราคาทองเพิ่มขึ้นเพียง 30–35% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ตัวคูณ” ทางกำไรนี้
4. หุ้นเหมืองทองให้ทั้ง Capital Gain และกระแสเงินสด
ทองคำจริงหรือ ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่ง เช่น SPDR Gold Trust ไม่สามารถสร้างรายได้หรือกระแสเงินสดระหว่างที่ถือครองได้ ในขณะที่หุ้นเหมืองทองสามารถจ่ายเงินปันผล และบางแห่งมีการซื้อหุ้นคืน ได้เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนทั่วไป นักลงทุนจึงมีโอกาสได้รับทั้งผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และเงินสดจากกำไรที่บริษัทแบ่งคืนให้
5. เข้าใจง่ายกว่าการใช้ Gold Futures
แม้การลงทุนทองคำผ่าน Futures จะให้ Leverage ที่สูงกว่าทองคำแท่ง แต่นักลงทุนจะต้องเข้าใจเงื่อนไข และจัดการเรื่อง Margin (การวางหลักประกัน) Roll-over (การต่ออายุสัญญา) ภาวะ Contango (การที่สัญญาอายุไกลแพงกว่าสัญญาใกล้) และความเสี่ยงซับซ้อนอื่นๆ นักลงทุนจึงจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้วย Futures อย่างเต็มที่ ในขณะที่หุ้นเหมืองทองให้ Leverage ตามธรรมชาติในรูปแบบของหุ้นสามัญ ถือครองง่ายกว่า ไม่ต้องจัดการสัญญา และเข้าถึงได้โดยนักลงทุนทั่วไปผ่านตลาดหลักทรัพย์
6. ความเสี่ยงมี แต่สามารถจัดการได้
นักลงทุนต้องยอมรับก่อนว่าหุ้นเหมืองทองจะมีความผันผวนมากกว่าราคาทองคำ และมีความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน ด้านภูมิรัฐศาสตร์ และด้านต้นทุน แต่ความเสี่ยงที่กล่าวมานี้ อาจบริหารจัดการได้ด้วยการกระจายพอร์ตลงทุนในหลายบริษัท แทนการลงทุนในเหมืองเดียว ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทเหมืองทองชั้นนำมีวินัยทางการเงินมากขึ้น มีงบดุลแข็งแกร่ง และเน้นสร้างกระแสเงินสดอิสระ นักลงทุนจึงอาจพิจารณาเลือกใช้กองทุนรวมแบบ Active ที่คัดเลือกบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเหมืองทองคุณภาพมาให้แล้วแทนการบริหารความเสี่ยงเองได้
7. หุ้นเหมืองมักพุ่งแรงช่วงกลาง–ปลายของรอบ
หุ้นเหมืองทองมักจะตอบสนองช้ากว่าราคาทองคำในช่วงต้นของขาขึ้น แต่เมื่อราคาทองยืนได้และเริ่มแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่ขัดเจน ก็จะเริ่มกลับเข้าสู่หุ้นกลุ่มนี้เช่นกัน โดยในช่วงต้นรอบทองคำขาขึ้นปี 2567 ราคาทองคำปรับขึ้น 27% ในขณะที่กลุ่มหุ้นเหมืองทองปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 9.3% เท่านั้น แต่ภาพนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในปี 2568 โดยดัชนีราคาหุ้นเหมืองทองปรับเพิ่มขึ้น 49% YTD (ณ สิ้นสุดวันที่ 28 พฤษภาคม 2568) ขณะที่ราคาทองคำ (XAU/USD) เพิ่มขึ้น 26% เท่านั้นในช่วงเวลาเดียวกัน
สรุป: หากคุณคาดว่าราคาทองคำจะขึ้น หุ้นเหมืองทองคืออีกเครื่องมือที่ช่วย “เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน” จาก
• Leverage กำไรเหนือราคาทอง
• กระแสเงินสดจริงจากปันผล
• ถือครองง่ายกว่าการลงทุนแบบ Futures
• เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ Exposure เชิงรุกต่อราคาทอง
• มีตัวเลือกผ่านกองทุนคุณภาพ เช่น KT-Precious
KT- Precious ทางเลือกที่ตอบโจทย์แนวคิด “หุ้นเหมืองทองคืออาวุธลับของขาขึ้นทองคำ”
กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอคควิตี้ (KT-PRECIOUS) (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนผ่านกองทุน Franklin Gold and Precious Metals Fund (กองทุนหลัก) โดยลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นทองคำ และโลหะมีค่า
โดยสิ่งที่สร้างความน่าสนใจในกองทุนนี้ คือ สัดส่วนการลงทุนที่มุ่งเน้น “หุ้นเหมืองทองคำ” ครอบคลุมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ หรืออเมริกาใต้ ซึ่งเป็นแหล่งเหมืองสำคัญของโลก
พอร์ตการลงทุนของกองทุนนี้มีกลุ่มบริษัทมีชื่อเสียง ที่คุ้นหูสำหรับนักลงทุนในกลุ่มทองคำ เช่น
• Newmont Corporation – บริษัทเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
• Barrick Gold – บริษัทเหมืองที่มีฐานการผลิตครอบคลุมหลายทวีป
• Agnico Eagle Mines, Wheaton Precious Metals, และ Franco-Nevada – ผู้เล่นระดับพรีเมียมในด้านการผลิตและการถือสิทธิ์เหมือง
“หลักทรัพย์ที่ลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุนหลัก”
(ที่มา: กองทุนหลัก Franklin Gold and Precious Metals Fund ข้อมูล ณ เมษายน 2568)
ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในพอร์ตผ่านกองทุนเดียวแบบสำเร็จรูป โดยนักลงทุนไม่ต้องวิเคราะห์หรือเลือกหุ้นรายตัวเอง ดังนั้น หากต้องการลงทุนในช่วงทองคำขาขึ้นด้วยวิธีที่ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และลดภาระการเลือกหุ้นรายตัวเอง KT-Precious อาจเป็นคำตอบนั้นที่ลงตัว
คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
• World Gold Council (2024–2025 Reports)
• VanEck – Gold Market Commentary (2024–2025)
• S&P Global Market Intelligence (Mining Sector Reports, 2024)
• Bloomberg, ราคาดัชนีหุ้นเหมืองทองคำและ XAU สิ้นสุด 28 พ.ค. 2568 และการเปรียบเทียบผลตอบแทนในรอบขาขึ้น ปี 2016–2020 และ 2020–2025
• Barron’s, “Why Gold Mining Stocks Could Outperform Bullion in 2025” (Jan 2025)
• Reuters – Mining Sector Corporate Earnings Reports Q4 2024
• Franklin Templeton April Fund Factsheet
ผู้เขียน: เขมรัฐ ทรงอยู่
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย