จัดพอร์ตให้มั่นคง..ด้วยกลยุทธ์ Core-Satellite
-ในการเริ่มต้นวางแผนการลงทุน หลายคนอาจสงสัยหรือตัดสินใจเลือกไม่ได้ ว่าควรเน้นสร้างความมั่นคงเป็นหลัก หรือมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นดี
-ในความเป็นจริงแล้ว แนวทางเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะมีวิธีการจัดพอร์ตที่ช่วยผสมผสานทั้งสองเป้าหมายเข้าด้วยกันได้อย่างสมดุล นั่นคือ “กลยุทธ์แบบ Core-Satellite”
-สำหรับกลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งในแนวทางที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นวางพอร์ตการลงทุนอย่างเป็นระบบโดยไม่ซับซ้อนจนเกินไป และยังสามารถปรับให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของแต่ละคนได้อีกด้วย
1. Core-Satellite Strategy คืออะไร?
-แนวคิดนี้มีจุดเริ่มต้นจากนักลงทุนสถาบัน ก่อนจะแพร่หลายสู่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยในปัจจุบัน ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะช่วยสร้างสมดุลระหว่าง “ความมั่นคงระยะยาว” และ “โอกาสในการเพิ่มผลตอบแทน”
-โดยวิธีการ คือแบ่งพอร์ตลงทุนออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
-Core (แกนหลัก) หมายถึง สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคง มีโอกาสให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมีความเสี่ยงที่รับได้ สำหรับการลงทุนระยะยาว
-Satellite (ส่วนเสริม) หมายถึง สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่า และมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากกว่า Core
2.ทำความเข้าใจแต่ละส่วนให้ชัดเจน?
“Core ฐานที่มั่นคงของพอร์ตการลงทุน”
-Core เปรียบเสมือน “รากฐาน” ของพอร์ตที่ช่วยรักษาความมั่นคง ลดความผันผวน และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว
-ตัวอย่างสินทรัพย์ในกลุ่ม Core:
-กองทุนดัชนี (Index Funds) เช่น S&P 500 ที่เน้นหุ้นใหญ่ และมีรายได้จากทั่วโลก
-กองทุนที่เน้นตลาดกว้าง ๆ กระจายความเสี่ยงหลายภูมิภาค
-หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ (Blue Chip) ที่มีความมั่นคงสูง
-ตราสารหนี้คุณภาพดี
-วัตถุประสงค์ของ Core:
-ช่วยสร้างความมั่นคงให้พอร์ตโดยรวม
-มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
-ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระยะสั้น
-สัดส่วนแนะนำสำหรับ Core คือ 60-80% ของเงินลงทุนในพอร์ต มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
“Satellite พื้นที่สำหรับโอกาสในการเติบโต”
Satellite คือส่วนเสริมที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์หรือธีมที่มีศักยภาพเติบโต แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า
ตัวอย่างสินทรัพย์ในกลุ่ม Satellite:
-หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นเติบโต (Growth Stocks)
-กองทุนแบบธีม (Thematic Funds) เช่น กลุ่ม AI, พลังงานสะอาด, Healthcare Innovation
-REITs หรือตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง
สินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ, สินทรัพย์ดิจิทัล (สำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง)
วัตถุประสงค์ของ Satellite:
-เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด
-เปิดโอกาสในการลงทุนในเมกะเทรนด์หรือสินทรัพย์ทางเลือก
-ช่วยให้พอร์ตไม่ตกเทรนด์และตอบสนองต่อโอกาสใหม่ ๆ ได้
-สัดส่วนแนะนำ คือ 20-40% ของพอร์ตรวม มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้เช่นกัน
3. ทำไมกลยุทธ์นี้ถึงเหมาะกับนักลงทุนยุคใหม่?
-ช่วยสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและโอกาสในการเติบโต
-ปรับพอร์ตได้ตามสภาวะตลาด เมื่อตลาดมีความผันผวน ก็สามารถลดสัดส่วน Satellite เพื่อรักษาความมั่นคง หรือหากเห็นโอกาสที่น่าสนใจ ก็เพิ่ม Satellite ได้ตามความเหมาะสม
-เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ มือใหม่อาจเน้นสัดส่วน Core มากหน่อยเพื่อความสบายใจ ส่วนมืออาชีพที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงกว่าก็สามารถขยับ Satellite ให้มากขึ้น
-สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อมีสัดส่วนของ Satellite ในพอร์ตการลงทุน มักจะช่วยให้นักลงทุนใส่ใจการลงทุนมากขึ้น คาดหวังมากขึ้น จนในที่สุด ก็เพิ่มความสนใจและทำการบ้านเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้นตาม
สำหรับนักลงทุนที่อยากลองเริ่มต้นกลยุทธ์ Core-Satellite ด้วยตัวเอง KTAM ขอเสนอตัวอย่างการลงทุนผ่านกองทุนรวม เพื่อเป็นไอเดียการสร้างพอร์ตเพื่อโอกาสการเติบโตในระยะยาว โดยแบ่งเป็นสายดังนี้
นักลงทุนสายระมัดระวัง (Conservative Portfolio)
เป้าหมาย: เน้นความมั่นคงของเงินต้นและกระแสเงินสดระยะยาว รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Core 80% แบ่งเป็น
• 50% เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ แนะนำ KT-GEQ-A
• 30% เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะสั้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ผันผวนน้อยกว่าหุ้น แนะนำ KT-ST
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Satellite 20% แบ่งเป็น
• 10% เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Microsoft, NVIDIA แนะนำ KT-NASDAQ-A
• 10% เสริมพอร์ตด้วยทองคำ ลดความเสี่ยงในภาวะตลาดผันผวน แนะนำ KT-GOLDUH-A
นักลงทุนสายสมดุล (Balanced Portfolio)
เป้าหมาย: ต้องการทั้งความมั่นคงและโอกาสในการเติบโต รับความผันผวนได้ในระดับหนึ่ง
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Core 70% แบ่งเป็น
• 40% เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ แนะนำ KT-GEQ-A
• 10% เน้นกระจายลงทุนหุ้นขนาดกลางและใหญ่คุณภาพดีในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แนะนำ KT-WQUALITY-A
• 20% เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะสั้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ผันผวนน้อยกว่าหุ้น แนะนำ KT-ST
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Satellite 30% แบ่งเป็น
• 15% เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Microsoft, NVIDIA แนะนำ KT-NASDAQ-A
• 10% เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มยารักษาโรค เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมทางการแพทย์ แนะนำ KT-HEALTHCARE-A
• 5% เสริมพอร์ตด้วยทองคำ ลดความเสี่ยงในภาวะตลาดผันผวน แนะนำ KT-GOLDUH-A
นักลงทุนสายกล้าเสี่ยง (Aggressive Portfolio)
เป้าหมาย: มุ่งเน้นการเติบโตของพอร์ตเป็นหลัก ยอมรับความผันผวนได้สูง
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Core 60% แบ่งเป็น
• 30% เน้นกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ทั้งตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ แนะนำ KT-GEQ-A
• 20% กระจายลงทุนหุ้นขนาดกลางและใหญ่คุณภาพดีในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แนะนำ KT-WQUALITY-A
• 10% เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะสั้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ผันผวนน้อยกว่าหุ้น แนะนำ KT-ST
แนะนำกลยุทธ์สำหรับ Satellite 40% แบ่งเป็น
• 20% เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Microsoft, NVIDIA แนะนำ KT-NASDAQ-A
• 10% เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มยารักษาโรค เทคโนโลยีชีวภาพ และนวัตกรรมทางการแพทย์ แนะนำ KT-HEALTHCARE-A
• 5% เปิดโอกาสรับผลตอบแทนจากเทคโนโลยีการทำธุรกรรมแห่งอนาคต แนะนำ KT-BLOCKCHAIN-A
• 5% เสริมพอร์ตด้วยทองคำ ลดความเสี่ยงในภาวะตลาดผันผวน แนะนำ KT-GOLDUH-A)
???? สำหรับพอร์ตตัวอย่างเหล่านี้ใช้กองทุนรวมที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ซื้อได้ผ่านช่องทางบริการทางการเงินทั่วไป
รายละเอียดกองทุนแนะนำ
• กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น (KT-ST) / (ความเสี่ยงระดับ 4)
เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารอื่นๆ ที่มีคุณภาพ โดยเฉลี่ยอายุไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้อาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 40 ของ NAV
• กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล อิควิตี้ พาสซีฟ ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-GEQ-A) / (ความเสี่ยงระดับ 6)
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares MSCI ACWI ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี MSCI ACWI โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรับ
• กองทุนเปิดเคแทม NASDAQ 100 (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-NASDAQ-A) / (ความเสี่ยงระดับ 6)
เน้นลงทุนใน Invesco NASDAQ 100 ETF โดยกองทุนหลักเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากที่สุด 100 บริษัท ในตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐฯ (ไม่รวมหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน)
• กองทุนเปิดเคแทม World Quality Factor Equity Passive (KT-WQUALITY) / (ความเสี่ยงระดับ 6)
เน้นลงทุนใน iShares Edge MSCI World Quality Factor UCITS ETF (กองทุนรวมหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) เป็นหลัก เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี MSCI World Sector Neutral Quality Index
• กองทุนเปิดเคแทม Blockchain Economy (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-BLOCKCHAIN-A) / (ความเสี่ยงระดับ 6)
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนตราสารทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ และ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟ (กองทุนปลายทาง) ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยกองทุนหลักมีกลยุทธ์ลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ และ/หรือมีความเกี่ยวข้องกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล และ/หรือเทคโนโลยีบล็อกเชน
• กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (KT-HEALTHCARE-A) / (ความเสี่ยงระดับ 7)
เน้นลงทุนใน Janus Henderson Global Life Sciences Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์กับการดำเนินชีวิต ซึ่งเกี่ยวกับการรักษาหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต
• กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ ฟันด์ Unhedged (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-GOLDUH-A) / (ความเสี่ยงระดับ 8)
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR®GoldTrust (กองทุนรวมหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุนหลักมุ่งลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำหักด้วยค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุน
สรุป: จัดพอร์ตอย่างมีระบบ เพื่อเป้าหมายที่ชัดเจน
-การลงทุนไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย แต่คือการวางแผนอย่างรอบคอบ กลยุทธ์การลงทุนแบบ Core-Satellite จะช่วยให้นักลงทุนสามารถ “กระจายความเสี่ยง” ในขณะที่ยัง “เปิดรับโอกาส” ได้พร้อมกัน
-สุดท้ายแล้ว การเลือกสัดส่วนของ Core และ Satellite ควรสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพราะในที่สุด “แผนการลงทุนที่ดีที่สุด คือลงทุนในแผนที่สามารถทำได้จริงและทำอย่างต่อเนื่อง”
สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (ยกเว้น กองทุน KT-GOLDUH ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน) ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผู้เขียน : เขมรัฐ ทรงอยู่
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย