LTF…ขายเลย หรือไปต่อกับ Thai ESGX แบบไหนคุ้มกว่า?
นี่เป็นคำถามในใจของนักลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ยังไม่ได้ขายคืนหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 เป็นต้นไป และปัจจุบันยังเป็นผู้ที่มีเงินได้ต้องเสียภาษี ซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกทางไหนดี
ก่อนอื่น เราต้องรู้ความต้องการของตัวเองเสียก่อนว่าต้องการแบบไหน โดยอาจดูจาก
นี่เป็นคำถามในใจของนักลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ยังไม่ได้ขายคืนหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 68 เป็นต้นไป และปัจจุบันยังเป็นผู้ที่มีเงินได้ต้องเสียภาษี ซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกทางไหนดี
ก่อนอื่น เราต้องรู้ความต้องการของตัวเองเสียก่อนว่าต้องการแบบไหน โดยอาจดูจาก
ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน | ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี | |
สิ่งที่ควรทำ | ขาย LTF เมื่อถือครองเป็นไปตามเงื่อนไข | ก็สามารถ “สับเปลี่ยน” ไปยังกองทุน Thai ESGX |
สิ่งที่ควรพิจารณา |
|
|
เหมาะกับ |
|
|
ระยะเวลาการทำรายการ | ขาย LTF เมื่อถือครองเป็นไปตามเงื่อนไข | ต้องสับเปลี่ยนภายในระยะเวลา 2 เดือน (13 พ.ค. 68 – 30 มิ.ย. 68) โดยจะต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ทุกกองทุน และทุก บลจ. ให้ครบทุกหน่วยห้ามขาด (อันนี้สำคัญมาก) |
สำหรับคนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ก็ควรต้องศึกษารายละเอียดของ Thai ESGX ให้ครบถ้วน และควรตรวจสอบการถือครองกองทุนทุก บลจ.ที่ถืออยู่ เพื่อที่จะโอนให้ครบถ้วน โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ www.set.or.th/ltf
นโยบายการลงทุนใน Thai ESGX
เน้นลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับกองทุนรวม ThaiESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดย ThaiESGX มีเงื่อนไขเพิ่มเติมต้องลงทุนหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
แล้ว Thai ESGX เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ไม่ต้องการสภาพคล่องจากการขายคืน LTF
- ผู้ที่เชื่อมั่นว่าหุ้นไทยจะดีขึ้นในอีก 5 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม ESG ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ
- ผู้ที่ฐานภาษีสูง
- ผู้ที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้น
วันนี้ เราขอแนะนำกองทุน Thai ESGX ภายใต้การบริหารของ KTAM มาเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน โดยกองทุนมีการบริหารกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management) มีนโยบายจ่ายเงินปันผล โดยแบ่งเป็นชนิด Class D สำหรับเงินลงทุนใหม่ และชนิด Class L สำหรับเงินลงทุนที่สับเปลี่ยนจาก LTF
ทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย
ทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย
- กองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQ70PLUSX)
(ระดับความเสี่ยง 5)
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV และตราสารหนี้ ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกินกว่า 30% ของ NAV โดยอาจนำบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่น ๆผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ สัดส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV และตราสารหนี้ ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกินกว่า 30% ของ NAV โดยอาจนำบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่น ๆผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ สัดส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 20% ของ NAV
- ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง
- ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังตราสารหนี้
รายละเอียดกองทุน https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail.aspx?IdF=84
- กองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQPLUSX)
(ระดับความเสี่ยง 6)
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยอาจนำบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ สัดส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่เกิน 20% ของNAV
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ในบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยอาจนำบางส่วนไปลงทุนในต่างประเทศหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ สัดส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่เกิน 20% ของNAV
- ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
- ผู้ที่ต้องการหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์อื่น หรือในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
รายละเอียดกองทุน https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail.aspx?IdF=88
- กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นปันผล ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQDIVX)
(ระดับความเสี่ยง 6)
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐาน ผลการดำเนินงานที่ดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ โดยเน้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจะเน้นลงทุนในประเทศเท่านั้น
เน้นลงทุนหุ้นใน SET และ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐาน ผลการดำเนินงานที่ดี มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ โดยเน้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านESG โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจะเน้นลงทุนในประเทศเท่านั้น
- ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง
- ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทยในกลุ่ม ESG ที่ประวัติการจ่ายปันผลที่ดี
รายละเอียดกองทุน https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail.aspx?IdF=86
สุดท้ายไม่มีคำตอบไหนถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับ “เป้าหมาย” ของแต่ละคน เพราะ ถ้าคุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินและยังเชื่อมั่นในศักยภาพของหุ้นไทยในกลุ่ม ESG ในระยะยาว (5 ปีข้างหน้า) การสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX ถือเป็นทางเลือกที่ดีและยังช่วยรักษาวินัยการลงทุนเพื่อประโยชน์ยามเกษียณ แต่ถ้าคุณต้องการปรับพอร์ต หรือมีเป้าหมายอื่น การขาย LTF และบริหารเงินใหม่อาจยืดหยุ่นและเหมาะกับสถานการณ์มากกว่า
คำเตือน ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุน ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม
สุดท้ายไม่มีคำตอบไหนถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับ “เป้าหมาย” ของแต่ละคน เพราะ ถ้าคุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินและยังเชื่อมั่นในศักยภาพของหุ้นไทยในกลุ่ม ESG ในระยะยาว (5 ปีข้างหน้า) การสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX ถือเป็นทางเลือกที่ดีและยังช่วยรักษาวินัยการลงทุนเพื่อประโยชน์ยามเกษียณ แต่ถ้าคุณต้องการปรับพอร์ต หรือมีเป้าหมายอื่น การขาย LTF และบริหารเงินใหม่อาจยืดหยุ่นและเหมาะกับสถานการณ์มากกว่า
คำเตือน ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุน ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม