“India Rising” มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างตั้งคำถามว่า “อินเดียจะกลายเป็นจีนต่อไปได้หรือไม่” — แต่ในวันนี้ คำถามนั้นอาจไม่ใช่คำถามที่ถูกต้องอีกต่อไป เพราะอินเดียอาจไม่ได้เดินตามรอยจีน…แต่กำลังกลายเป็น “อินเดีย” ในเวอร์ชันใหม่ที่น่าลงทุนไม่แพ้ใคร
เพราะแรงขับเคลื่อนของอินเดียในเวลานี้ ไม่ใช่แค่ตัวเลข GDP ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่เป็นการผสานระหว่างพลังประชากรวัยหนุ่มสาว เทคโนโลยีดิจิทัล การปฏิรูปด้านโครงสร้าง และการเป็นแม่เหล็กของทุนจากทั่วโลก
1. เศรษฐกิจมหภาคอินเดีย: ตัวเลขที่นักลงทุนไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
• อินเดียกำลังจะมี GDP แตะระดับ $4.2 ล้านล้าน (ประมาณ 140 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเมื่อ 10 ปีก่อน
• IMF คาดว่าอินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในปี 2027 แซงหน้าเยอรมนีและญี่ปุ่น
• IMF คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2025 อยู่ที่ 6.5% สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (สหรัฐฯ 2.7% จีน 4.6%)
• ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางชะลอลง งบประมาณของรัฐมีวินัยมากขึ้น และค่าเงินรูปีมีเสถียรภาพ
• เมื่อทั่วโลกกำลังมองหาทางเลือกหลังยุคยิ่งใหญ่ของจีนจบลง อินเดียก็กำลังกลายเป็น “โอกาสที่มั่นคงและเติบโตเร็ว” ในโลกเศรษฐกิจใหม่
2. โครงสร้างประชากรในโลกยุคปัจจุบัน กับหนุ่มสาวที่พร้อมรุกโลกดิจิทัล
• อินเดียมีอายุเฉลี่ยประชากรอยู่ที่เพียง 28.4 ปี เทียบกับจีน (39), สหรัฐฯ (38) หรือญี่ปุ่น (48) และมีประชากร กว่า 900 ล้านคนที่ อายุต่ำกว่า 35 ปี
• โดยกลุ่มนี้เป็น digital native ซึ่งอินเดียมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 880 ล้านคน นับเป็นอันดับ 2 ของโลก และใช้ data ในราคา ที่ถูกที่สุด
• อินเดียมี Startup Unicorns กว่า 100 ราย ใน Fintech, e-Commerce, SaaS, และ Health tech
• ชนชั้นกลางจะขยายตัวแตะ 600 ล้านคนภายในปี 2030 เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงสุดกลุ่มหนึ่งของโลก ซึ่งไม่เพียงแต่บริโภคเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังพร้อมสร้างรากฐานเศรษฐกิจใหม่ ที่สอดรับกับเทรนด์ในปัจจุบันด้วย
3. China+1 Strategy อินเดียคือคำตอบ
3. China+1 Strategy อินเดียคือคำตอบ
ในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มกระจายตัวออกจากจีน อินเดียก็กลายเป็น “ตัวเลือกอันดับหนึ่ง” ของบริษัทระดับโลก ดูได้จาก
• Apple ผลิต iPhone ในอินเดียแล้วกว่า 7% เพิ่มขึ้นจากที่ไม่ถึง 1% เมื่อสองปีก่อนหน้า
• Foxconn, Samsung, Micron ลงทุนสร้างฐานผลิตในอินเดีย
• เปิดโครงการแห่งชาติ Production Linked Incentive (PLI) มูลค่ากว่า $26 พันล้าน สนับสนุนการสร้าง ecosystem ด้านการผลิตในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น Electronics, Eolar, EVs และ Semiconductors
ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแกนการผลิตของโลก ที่กำลังปักหมุดลงในอินเดีย
4. Digital India เมื่ออินเดียไม่เดินตามโลก แต่เลือกกระโดดข้าม
อินเดียเลือกมองข้ามโครงสร้างการลงทุนแบบเดิมๆ แล้วสร้าง Digital Infrastructure ของตัวเองแบบรัฐนำ-เอกชนเสริม เช่น
• UPI (Unified Payments Interface) ดำเนินธุรกรรมกว่า 12 พันล้านรายการในเดือนมีนาคม 2025
• Fintech อินเดียมีมูลค่าตลาดกว่า $180 พันล้าน และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
• โครงการ ONDC (Open Network for Digital Commerce) จะเปลี่ยนเกมตลาด e-Commerce ในอินเดีย ไม่ให้ผูกขาดอยู่แค่ Amazon India หรือ Flipkart (Walmart)
โดยระบบดิจิทัลนี้คือ Public Infrastructure ที่เปิดพื้นที่ให้ภาคเอกชนภายในประเทศเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
5. นักลงทุนต่างชาติเริ่มขยับแล้ว
เงินทุนจากต่างประเทศกำลังไหลเข้าสู่อินเดียอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นในโอกาสเติบโตระยะยาว ดูได้จาก
• FDI ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ $55.6 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18% YoY สะท้อนจุดหมายหลักของนักลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคการผลิต เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน
• Venture Capital (ธุรกิจเงินร่วมลงทุน) กลับเข้าสู่ตลาดอินเดียอีกครั้ง กับสตาร์ทอัพอินเดีย โดยเน้นกลุ่ม AI, Fintech, SaaS และ Climate Tech
• น้ำหนักของอินเดียในดัชนี MSCI Emerging Markets เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันที่ 18.5% (มีนาคม 2025) จาก 8% เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้อินเดียเริ่มมีบทบาทโดดเด่นในพอร์ตของกองทุนทั้งแบบ passive ที่ลงทุนตามดัชนี และกองทุน active ที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัด
ในวันนี้ จากประเทศที่เคยมองว่า “น่าสนใจแต่ยังเร็วไป” อินเดียอาจกลายเป็น “ตำแหน่งหลักในพอร์ต” สำหรับกองทุนระดับโลก ในยุคหลังจีนชะลอตัว
6. กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งของทศวรรษนี้
นอกจากนี้ อินเดียยังมีโอกาสที่น่าสนใจในอีก 10 ปีข้างหน้า อาทิ
• Green Energy: อินเดียตั้งเป้ากำลังผลิตพลังงานหมุนเวียน 500 GW ภายในปี 2030
• Semiconductors: เริ่มมีโครงการ Fab และ alliance กับสหรัฐฯ เพื่อพัฒนา supply chain
• Healthcare & Pharma: จากฐานการผลิต generic กำลังก้าวสู่ biologics และนวัตกรรม
• EVs: เริ่มจากฐานต่ำ แต่เติบโตเร็ว ทั้งในด้านผลิตรถ (เช่น Tata Motors, Ola Electric) และสถานีชาร์จ
• ยังไม่นับรวม tourism, gaming, AI, SaaS, real estate ที่กำลังตั้งไข่และโตแรงในระดับภูมิภาค
7. ความเสี่ยงยังมี แต่เครื่องยนต์ปฏิรูปก็เดินหน้าต่อเนื่อง
แน่นอนว่าอินเดียมีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ความล่าช้าทางกฎหมาย ระบบราชการ และการลงทุนใน infrastructure แต่ต้อง ยอมรับว่าอินเดียเปลี่ยนแปลงไปมากในรอบ 10 ปี ผ่านการปฏิรูปที่สำคัญด้วยเช่นกัน อาทิ
• ภาษีสินค้าและบริการ (GST) ปรับระบบภาษีให้เป็นมาตรฐาน
• IBC (Insolvency and Bankruptcy Code) ช่วยลด NPL ในระบบธนาคาร
• ปรับปรุงกฎหมายแรงงานและที่ดินเพื่อเปิดทางขยายการผลิต
• รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ทั้งถนน ทางรถไฟ และสนามบิน
แม้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่นี่คือ momentum ที่แรงพอให้เกิด “การประเมินใหม่” ในสายตานักลงทุน
บทสรุป อินเดียในวันนี้คือ:
• มีประชากรหนุ่มสาวที่เข้าใจเทคโนโลยี
• โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ล้ำหน้ากว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว
• การผลิตที่ขยายตัวพร้อมรองรับกำลังซื้อจากโลก
• ระบบการปฏิรูปที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
• และการเป็น “จุดศูนย์กลางใหม่ของความหวัง” สำหรับนักลงทุนโลก
“KT-INDIA” ทางเลือกที่พร้อมเชื่อมคุณกับโอกาสในธีม “India Rising” อย่างแท้จริง
กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-INDIA (ความเสี่ยงระดับ 6) เป็นกองทุน Feeder Fund เน้นลงทุนใน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ออกโดยบริษัทของอินเดีย
“KT-INDIA” ทางเลือกที่พร้อมเชื่อมคุณกับโอกาสในธีม “India Rising” อย่างแท้จริง
กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-INDIA (ความเสี่ยงระดับ 6) เป็นกองทุน Feeder Fund เน้นลงทุนใน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ออกโดยบริษัทของอินเดีย
ทำไม KT-India Fund ถึงตอบโจทย์?
โอกาสเข้าถึงอินเดีย ผ่านกองทุน Invesco India Equity Fund ที่บริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดอินเดียมา ยาวนานตั้งแต่ปี 2006
กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง (Quality Growth) ใน
• กลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตแรง
• กลุ่มเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น Infosys บริษัทไอทีและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลก และ Bharti Airtel ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของอินเดีย
• กลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น REC สถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงาน, Cholamandalam Investment บริษัทให้สินเชื่อสำหรับยานยนต์และธุรกิจ SME และ Sansera Engineering ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักรความแม่นยำสูง
• กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น Doms ผู้ผลิตเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะ และ Kalyan Jewellers ร้านค้าทองคำและเครื่องประดับระดับประเทศ
กองทุนหลักให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Consumer Discretionary, Industrials และ Communication Services สูงกว่าดัชนีเทียบวัดอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนพอร์ตการลงทุนตามเทรนด์ใหญ่ ชนชั้นกลางที่เติบโตเร็ว การบริโภคภายในประเทศ และอุตสาหกรรมใหม่ของอินเดีย (หมายเหตุ สัดส่วนการลงทุนอาจปรับเปลี่ยนตามสภาวการณ์และดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหลัก)
โครงสร้างของกองทุนที่เปิดทางให้นักลงทุนไทย สามารถเข้าถึงพอร์ตระดับโลกได้ง่ายขึ้น ด้วยสภาพคล่องที่สามารถทำรายการได้ทุกวันทำการ และการบริหารความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
ถึงเวลาแล้ว ที่จะเปลี่ยนความเชื่อมั่นในอินเดีย ให้กลายเป็นการลงทุนจริง… เริ่มต้นได้เลย กับ KT-India สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
คำเตือน : กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย
ถึงเวลาแล้ว ที่จะเปลี่ยนความเชื่อมั่นในอินเดีย ให้กลายเป็นการลงทุนจริง… เริ่มต้นได้เลย กับ KT-India สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
คำเตือน : กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ที่มาข้อมูล
- International Monetary Fund (IMF)
- Economic Times (India Times)
- Business Standard
- Ministry of Power, Government of India
- AppleInsider
- Trak.in
- Auto Economic Times
- MSCI
ผู้เขียน : เขมรัฐ ทรงอยู่รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย