• X
  • ค้นหา
  • TH EN
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
  1. หน้าแรก
  2. KTAM Edutainment
  3. “India Rising” มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก

“India Rising” มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก

“India Rising” มหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ของโลก

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างตั้งคำถามว่า “อินเดียจะกลายเป็นจีนต่อไปได้หรือไม่” — แต่ในวันนี้ คำถามนั้นอาจไม่ใช่คำถามที่ถูกต้องอีกต่อไป เพราะอินเดียอาจไม่ได้เดินตามรอยจีน…แต่กำลังกลายเป็น “อินเดีย” ในเวอร์ชันใหม่ที่น่าลงทุนไม่แพ้ใคร

เพราะแรงขับเคลื่อนของอินเดียในเวลานี้ ไม่ใช่แค่ตัวเลข GDP ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่เป็นการผสานระหว่างพลังประชากรวัยหนุ่มสาว เทคโนโลยีดิจิทัล การปฏิรูปด้านโครงสร้าง และการเป็นแม่เหล็กของทุนจากทั่วโลก
 

1. เศรษฐกิจมหภาคอินเดีย: ตัวเลขที่นักลงทุนไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
• อินเดียกำลังจะมี GDP แตะระดับ $4.2 ล้านล้าน (ประมาณ 140 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเมื่อ 10 ปีก่อน
• IMF คาดว่าอินเดียจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในปี 2027 แซงหน้าเยอรมนีและญี่ปุ่น
• IMF คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2025 อยู่ที่ 6.5% สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (สหรัฐฯ 2.7% จีน 4.6%)
• ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางชะลอลง งบประมาณของรัฐมีวินัยมากขึ้น และค่าเงินรูปีมีเสถียรภาพ
• เมื่อทั่วโลกกำลังมองหาทางเลือกหลังยุคยิ่งใหญ่ของจีนจบลง อินเดียก็กำลังกลายเป็น “โอกาสที่มั่นคงและเติบโตเร็ว” ในโลกเศรษฐกิจใหม่
 
2. โครงสร้างประชากรในโลกยุคปัจจุบัน กับหนุ่มสาวที่พร้อมรุกโลกดิจิทัล
• อินเดียมีอายุเฉลี่ยประชากรอยู่ที่เพียง 28.4 ปี เทียบกับจีน (39), สหรัฐฯ (38) หรือญี่ปุ่น (48) และมีประชากร กว่า 900 ล้านคนที่ อายุต่ำกว่า 35 ปี
• โดยกลุ่มนี้เป็น digital native ซึ่งอินเดียมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 880 ล้านคน นับเป็นอันดับ 2 ของโลก และใช้ data ในราคา ที่ถูกที่สุด
• อินเดียมี Startup Unicorns กว่า 100 ราย ใน Fintech, e-Commerce, SaaS, และ Health tech
• ชนชั้นกลางจะขยายตัวแตะ 600 ล้านคนภายในปี 2030 เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงสุดกลุ่มหนึ่งของโลก ซึ่งไม่เพียงแต่บริโภคเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังพร้อมสร้างรากฐานเศรษฐกิจใหม่ ที่สอดรับกับเทรนด์ในปัจจุบันด้วย

3. China+1 Strategy อินเดียคือคำตอบ
ในยุคที่ห่วงโซ่อุปทานโลกเริ่มกระจายตัวออกจากจีน อินเดียก็กลายเป็น “ตัวเลือกอันดับหนึ่ง” ของบริษัทระดับโลก ดูได้จาก
• Apple ผลิต iPhone ในอินเดียแล้วกว่า 7% เพิ่มขึ้นจากที่ไม่ถึง 1% เมื่อสองปีก่อนหน้า
• Foxconn, Samsung, Micron ลงทุนสร้างฐานผลิตในอินเดีย
• เปิดโครงการแห่งชาติ Production Linked Incentive (PLI) มูลค่ากว่า $26 พันล้าน สนับสนุนการสร้าง ecosystem ด้านการผลิตในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น Electronics, Eolar, EVs และ Semiconductors
ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแกนการผลิตของโลก ที่กำลังปักหมุดลงในอินเดีย
 
4. Digital India เมื่ออินเดียไม่เดินตามโลก แต่เลือกกระโดดข้าม
อินเดียเลือกมองข้ามโครงสร้างการลงทุนแบบเดิมๆ แล้วสร้าง Digital Infrastructure ของตัวเองแบบรัฐนำ-เอกชนเสริม เช่น
• UPI (Unified Payments Interface) ดำเนินธุรกรรมกว่า 12 พันล้านรายการในเดือนมีนาคม 2025
• Fintech อินเดียมีมูลค่าตลาดกว่า $180 พันล้าน และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
• โครงการ ONDC (Open Network for Digital Commerce) จะเปลี่ยนเกมตลาด e-Commerce ในอินเดีย ไม่ให้ผูกขาดอยู่แค่ Amazon India หรือ Flipkart (Walmart)
โดยระบบดิจิทัลนี้คือ Public Infrastructure ที่เปิดพื้นที่ให้ภาคเอกชนภายในประเทศเติบโตได้แบบก้าวกระโดด
 
5. นักลงทุนต่างชาติเริ่มขยับแล้ว
เงินทุนจากต่างประเทศกำลังไหลเข้าสู่อินเดียอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความเชื่อมั่นในโอกาสเติบโตระยะยาว ดูได้จาก
• FDI ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ $55.6 พันล้าน เพิ่มขึ้น 18% YoY สะท้อนจุดหมายหลักของนักลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคการผลิต เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน
• Venture Capital (ธุรกิจเงินร่วมลงทุน) กลับเข้าสู่ตลาดอินเดียอีกครั้ง กับสตาร์ทอัพอินเดีย โดยเน้นกลุ่ม AI, Fintech, SaaS และ Climate Tech
• น้ำหนักของอินเดียในดัชนี MSCI Emerging Markets เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันที่ 18.5% (มีนาคม 2025) จาก 8% เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้อินเดียเริ่มมีบทบาทโดดเด่นในพอร์ตของกองทุนทั้งแบบ passive ที่ลงทุนตามดัชนี และกองทุน active ที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัด 
ในวันนี้ จากประเทศที่เคยมองว่า “น่าสนใจแต่ยังเร็วไป” อินเดียอาจกลายเป็น “ตำแหน่งหลักในพอร์ต” สำหรับกองทุนระดับโลก  ในยุคหลังจีนชะลอตัว
 
6. กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งของทศวรรษนี้
นอกจากนี้ อินเดียยังมีโอกาสที่น่าสนใจในอีก 10 ปีข้างหน้า อาทิ
• Green Energy: อินเดียตั้งเป้ากำลังผลิตพลังงานหมุนเวียน 500 GW ภายในปี 2030
• Semiconductors: เริ่มมีโครงการ Fab และ alliance กับสหรัฐฯ เพื่อพัฒนา supply chain
• Healthcare & Pharma: จากฐานการผลิต generic กำลังก้าวสู่ biologics และนวัตกรรม
• EVs: เริ่มจากฐานต่ำ แต่เติบโตเร็ว ทั้งในด้านผลิตรถ (เช่น Tata Motors, Ola Electric) และสถานีชาร์จ
• ยังไม่นับรวม tourism, gaming, AI, SaaS, real estate ที่กำลังตั้งไข่และโตแรงในระดับภูมิภาค
 
7. ความเสี่ยงยังมี แต่เครื่องยนต์ปฏิรูปก็เดินหน้าต่อเนื่อง
แน่นอนว่าอินเดียมีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ความล่าช้าทางกฎหมาย ระบบราชการ และการลงทุนใน infrastructure แต่ต้อง ยอมรับว่าอินเดียเปลี่ยนแปลงไปมากในรอบ 10 ปี ผ่านการปฏิรูปที่สำคัญด้วยเช่นกัน อาทิ
• ภาษีสินค้าและบริการ (GST) ปรับระบบภาษีให้เป็นมาตรฐาน
• IBC (Insolvency and Bankruptcy Code) ช่วยลด NPL ในระบบธนาคาร
• ปรับปรุงกฎหมายแรงงานและที่ดินเพื่อเปิดทางขยายการผลิต
• รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า $1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ทั้งถนน ทางรถไฟ และสนามบิน
แม้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่นี่คือ momentum ที่แรงพอให้เกิด “การประเมินใหม่” ในสายตานักลงทุน
 
บทสรุป อินเดียในวันนี้คือ:
• มีประชากรหนุ่มสาวที่เข้าใจเทคโนโลยี
• โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ล้ำหน้ากว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว
• การผลิตที่ขยายตัวพร้อมรองรับกำลังซื้อจากโลก
• ระบบการปฏิรูปที่เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง
• และการเป็น “จุดศูนย์กลางใหม่ของความหวัง” สำหรับนักลงทุนโลก

“KT-INDIA” ทางเลือกที่พร้อมเชื่อมคุณกับโอกาสในธีม “India Rising” อย่างแท้จริง
กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ หรือ KT-INDIA (ความเสี่ยงระดับ 6) เป็นกองทุน Feeder Fund เน้นลงทุนใน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ออกโดยบริษัทของอินเดีย
 
ทำไม KT-India Fund ถึงตอบโจทย์?
โอกาสเข้าถึงอินเดีย ผ่านกองทุน Invesco India Equity Fund ที่บริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดอินเดียมา ยาวนานตั้งแต่ปี 2006
 
กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง (Quality Growth) ใน
• กลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตแรง 
• กลุ่มเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น Infosys บริษัทไอทีและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลก และ Bharti Airtel ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของอินเดีย
• กลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ เช่น REC สถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงาน, Cholamandalam Investment บริษัทให้สินเชื่อสำหรับยานยนต์และธุรกิจ SME และ Sansera Engineering ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องจักรความแม่นยำสูง
• กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น Doms ผู้ผลิตเครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลปะ และ Kalyan Jewellers ร้านค้าทองคำและเครื่องประดับระดับประเทศ 
 
กองทุนหลักให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Consumer Discretionary, Industrials และ Communication Services สูงกว่าดัชนีเทียบวัดอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนพอร์ตการลงทุนตามเทรนด์ใหญ่ ชนชั้นกลางที่เติบโตเร็ว การบริโภคภายในประเทศ และอุตสาหกรรมใหม่ของอินเดีย (หมายเหตุ สัดส่วนการลงทุนอาจปรับเปลี่ยนตามสภาวการณ์และดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนหลัก)
 
โครงสร้างของกองทุนที่เปิดทางให้นักลงทุนไทย สามารถเข้าถึงพอร์ตระดับโลกได้ง่ายขึ้น ด้วยสภาพคล่องที่สามารถทำรายการได้ทุกวันทำการ และการบริหารความเสี่ยงแบบมืออาชีพ

ถึงเวลาแล้ว ที่จะเปลี่ยนความเชื่อมั่นในอินเดีย ให้กลายเป็นการลงทุนจริง… เริ่มต้นได้เลย กับ KT-India สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn

คำเตือน : กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน 
 
ที่มาข้อมูล 
- International Monetary Fund (IMF)
- Economic Times (India Times)
- Business Standard
- Ministry of Power, Government of India
- AppleInsider
- Trak.in
- Auto Economic Times
- MSCI
 
ผู้เขียน : เขมรัฐ ทรงอยู่
รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
บลจ.กรุงไทย


 
 

 

 

แชร์เรื่องนี้

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

News Demo
13
มิถุนายน
2568
จาก “Impulse Spending” สู่ “Conscious Investing”
อ่านต่อ
News Demo
06
มิถุนายน
2568
เกาะเทรนด์ราคาทอง ด้วยหุ้นเหมืองทองคำ…ปลดล็อกที่โอกาสมากกว่าการถือทองคำแท่ง
อ่านต่อ
News Demo
30
พฤษภาคม
2568
การสร้างเกราะป้องกันพอร์ตโฟลิโอเผื่ออนาคต
อ่านต่อ

Shortcut Menu

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
    โครงสร้างพื้นฐาน
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนผลงานดี
  • ตารางจ่ายเงินปันผล
  • ข่าว/บทวิเคราะห์
  • กลยุทธ์การลงทุน
  • กำหนดการและแบบฟอร์ม
  • โปรโมชั่น
  • ปฏิทินกองทุน
  • ภาพกิจกรรม
  • ประกาศราคากลาง
  • AIMC Category
    Performance Report
  • ถาม-ตอบ
  • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
  • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
  • การตั้งค่าคุกกี้
  • สมัครรับข่าวสาร
  • ติดต่อเรา
  • ร่วมงานกับเรา
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

อีเมล: callcenter@ktam.co.th

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

  • พันธมิตรธุรกิจ
  • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
  • แผนผังเว็บไซต์

การใช้และการจัดการคุกกี้

เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

 การใช้และการจัดการคุกกี้

เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


การกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้ที่จำเป็น

คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

คุกกี้วิเคราะห์

เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง