“การลงทุนผ่านกองทุนรวม” เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งจะมีมืออาชีพมาช่วยดูแลการลงทุนให้เราแทน
กองทุนรวม เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากบริษัทจัดการ บริษัทจัดการมีหน้าที่ในการกำหนดโครงการกองทุนรวม นโยบายการลงทุน และบริหารกองทุน ในกรณีที่บริษัทจัดการล้มละลาย กองทุนรวม จะไม่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ กองทุนรวมยังมีผู้ดูแลผลประโยชน์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัทจัดการ เป็นผู้ตรวจสอบบริษัทจัดการแทนผู้ลงทุน
1. เพิ่มโอกาสโดยไม่ต้องใช้เงินมาก
สร้างและเพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยเงินจำนวนใม่มาก เช่น ผู้ที่มีเงิน 10,000 บาทก็สามารถนำมาลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้เช่นเดียวกับนักลงทุนรายใหญ่หรือนักลงทุนสถาบันที่มีเงินลงทุนหลายล้านบาท
2. ประหยัดเวลาโดยไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนมาก
ประหยัดเวลาของผู้ลงทุน โดยมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญและมีประสบการณ์ในการลงทุนสูงเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับการลงทุนตลอดเวลาทำให้มีข้อมูลเป็นจำนวนมาก และสามารถวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และตัดสินใจได้ทัน ต่อสถานการณ์ เป็นผู้รับผิดชอบจัดการเงินลงทุน
3. กระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่
กระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังหลักทรัพย์หลายประเภท ซึ่งหากลงทุนเองจะต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ และจะต้องอาศัยการวิเคราะห์วิจัยเพื่อจัดสัดส่วนการลงทุน
4. เลือกระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนได้หลายระดับ
การลงทุนในตราสารที่ต่างประเภทกัน ก็ย่อมให้ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น การลงทุนในตราสารทุน ก็ย่อมมีความเสี่ยงมากกว่าตราสารหนี้ แต่โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนในการลงทุนตราสารทุนก็สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เช่นกัน ดังนั้นก่อนที่เราจะตัดสิน ใจลงทุน ในกองทุนประเภทใดนอกจากจะดูถึงโอกาสที่จะได้รับกำไรแล้ว ก็ควรจะต้องดูถึงนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้น รวมถึงต้องศึกษารายละเอียด ของแต่ละกองทุนให้ถ้วนถี่ด้วย เพราะนั่นหมายถึงความเสี่ยงในการลงทุน ที่เราจะต้องยอมรับตลอดไป ที่เราถือหน่วยลงทุนในกองทุนนั้นๆ เราจึงควรจะ ชั่งน้ำหนักให้ดีว่า ความเสี่ยงระดับไหนที่เรายอมรับได้ ในระดับอัตราผลตอบแทนที่เราพอใจ
5. มีการควบคุมดูแลที่รัดกุมจากทางราชการ
มีกลไกป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการการลงทุน และความเสี่ยงเรื่องการฉ้อโกงที่ดี เพราะมีหน่วยงานต่างๆคอยควบคุมดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ลงทุนดังนี้
- สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
มีหน้าที่ดูแลให้การดำเนินธุรกิจของกองทุนรวมเป็นไปอย่างชอบธรรม โดยกำกับดูแลทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องทั้งบริษัทจัดการ ผู้ดูแลผลประโยชน์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และผู้ถือหน่วยลงทุน
- ผู้ดูแลผลประโยชน์
มีหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบการบริหาร กองทุนรวมของบริษัทจัดการให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ใน รายละเอียดโครงการ โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ถือหน่วยลงทุน เพื่อคอยสอดส่องการทำงานของบริษัทจัดการอีกชั้นหนึ่ง อีกทั้งเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินของกองทุนรวม และที่สำคัญ ผู้ดูแลผลประโยชน์ห้ามเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ บลจ.
- สมาคมบริษัทจัดการลงทุน
บริษัทจัดการต้องเป็นสมาชิกสมาคม ซึ่งสมาคมจะเป็นผู้กำหนดหลักจรรยาบรรณ และมาตรฐานการประกอบวิชาชีพให้ผู้บริหาร ผู้จัดการกองทุนรวม และพนักงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม รวมทั้งเป็นแหล่งรวมข้อมูลของธุรกิจการจัดการลงทุนสำหรับผู้สนใจอีกทางหนึ่ง
6. สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
กองทุนรวมไม่ถือเป็นหน่วยภาษี คือไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้ทุกประเภทที่กองทุนได้รับจากการลงทุน ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนจากกองทุนรวมไม่ว่าจะเป็นในรูปของเงินปันผลหรือกำไรส่วนเกินทุน
กองทุนรวมแบ่งตามลักษณะการไถ่ถอนหรือขายคืน ได้เป็น 2 ประเภท คือ
กองทุนเปิด
ผู้ถือหน่วยสามารถซื้อ หรือขายคืนให้บริษัทจัดการได้ตามที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน
กองทุนปิด
ผู้ถือหน่วยสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนได้เพียงครั้งเดียว และไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุน
ให้แก่บริษัทจัดการได้
สรุปข้อแตกต่างระหว่างกองทุนเปิด และกองทุนปิด
ลักษณะ | กองทุนเปิด | กองทุนปิด |
การซื้อหน่วยลงทุน | สามารถซื้อจำนวนหน่วยลงทุนเพิ่มได้ ตามที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน | สามารถซื้อหน่วยลงทุนในช่วงเริ่มโครงการได้เพียงครั้งเดียว |
การไถ่ถอนหรือขายคืนหน่วยลงทุน | บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามวันเวลาที่กำหนด | ไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้จนกระทั่งครบอายุโครงการ |
จำนวนหน่วยลงทุน | มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างอายุโครงการ เนื่องจากมีรการซื้อเพิ่ม หรือขายคืนหน่วยลงทุน | ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดอายุโครงการ |
อายุโครงการ | มีทั้งกองทุนที่มีอายุโครงการ และไม่มีอายุโครงการ | มีอายุแน่นอน |
การซื้อขายในตลาดรอง | - | นิยมจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรอง เพื่อเป็นทางออกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนจนครบอายุโครงการ |
2. แบ่งตามนโยบายการลงทุน
กองทุนรวมแบ่งตามนโยบายการลงทุน
กองทุนรวมที่ยื่นขอจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์จะมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (Retatil fund)
- กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนสถาบัน (Non – Retail Fund) ซึ่งหมายถึง กองทุนรวมที่มีผู้ถือหน่วยทั้งหมดเป็นผู้ลงทุนสถาบัน
ประเภทของกองทุนรวมแบ่งตามนโยบายการลงทุนได้แก่
1. กองทุนรวมทั่วไป ได้แก่
1.1. กองทุนรวมตราสารแห่งทุน ลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
1.2. กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ หรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่กำหนดตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
1.3. กองทุนรวมผสม ลงทุนในหลักทรัพย์ ทรัพย์สิน โดยสัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ
2. กองทุนรวมพิเศษ ได้แก่
- กองทุนรวมหน่วยลงทุน (fund of funds) ลงทุนในหน่วยลงทุนและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม โดยเฉลี่ยใน รอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
- กองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund) ลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ที่มีกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ลง ทุนในทรัพย์สินหรือทำสัญญานั้น
- กองทุนรวมมีประกัน (guarantee fund) กองทุนรวมที่บริษัทจัดการกองทุนรวมจัดให้มีบุคคลอื่นประกันว่าหากผู้ถือหน่วยลงทุนได้ถือ หน่วยลงทุนจนครบตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับชำระเงินลงทุน หรือเงินลงทุนและผลตอบแทนจากการไถ่ถอนหรือการขายคืนหน่วยลงทุน แล้วแต่กรณี ตามจำนวนเงินที่ประกันไว้
- กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น (capital protected fund) หมายถึง กองทุนที่บริษัทจัดการวางแผนการลงทุนเพื่อให้ความคุ้มครองเงินลง ทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุนรวม
- กองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (specific fund) หมายถึง กองทุนรวมที่มีนโยบายการกระจายการลงทุน น้อยกว่ามาตรฐานการกระจายการลงทุนที่สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ กำหนดสำหรับกองทุนรวมทั่วไป
- กองทุนรวมดัชนี (index fund) หมายถึง กองทุนรวมที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามการเคลื่อนไหวของดัชนี ราคาหลักทรัพย์ ที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุนรวม โดยดัชนีดังกล่าวต้องได้รับการยอมรับจากสำนักงาน
- กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (foreign investment fund) มีนโยบายนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศไปลงทุน ในต่างประเทศ
- กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาการดำรงเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ หมายถึง กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาการดำรง เงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์
- กองทุนรวมวายุภักษ์ เป็นกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2546
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวและสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่เตรียมเงินไว้ใช้จ่ายในวัยเกษียณ และเป็น การสร้างหลักประกันอันมั่นคงให้แก่ตนเองและครอบครัว โดยผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิพิเศษในการนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึงร้อยละ 15 และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและ กบข.แล้ว ไม่เกิน 300,000 บาท ต่อปี และต้องลงทุนอย่างต่ำ 5,000 บาทหรือร้อยละ 3 ของราย ได้รวมทั้งปี ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามความเหมาะสมของตนเองได้
- กองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนต่างประเทศ หมายถึง กองทุนรวมที่เสนอขายหน่วยลงทุนทั้งหมดแก่บุคคลซึ่งไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทย
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการลงทุนในตลาดทุนในระยะยาว เป็นการสร้างเสริมเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นไทย ผู้ลง ทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดร้อยละ 15 ของเงินได้รวมทั้งปี และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ กองทุนรวม
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund : RMF)
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund : LTF)
2. ค้นหาวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการลงทุนของท่าน เช่น ต้องการลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาว มีวัตถุประสงค์ในการ นำเงินที่ได้จากการลงทุนไปเพื่ออะไร ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน เพื่อใช้ในยามเกษียณอายุ เพื่อซื้อบ้านสักหลัง ซื้อรถสักคัน เพื่อการท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งเพื่อเก็บเป็นเงินทุนไว้ประกอบกิจการส่วนตัวหรือไว้ใช้จ่ายใน การรักษาสุขภาพตัวเองในอนาคต เป็นต้น แล้วนำมาเปรียบเทียบว่ากองทุนรวมใดที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายใน การลงทุนของท่านมากที่สุด
3. ทำความเข้าใจกับความเสี่ยงต่างๆ โดยท่านต้องพิจารณาว่าการลงทุนนั้นมีระดับความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพราะแต่ละคนมีความสามารถในการรับความเสี่ยงในระดับที่แตกต่างกันไป เช่น หากท่านเป็นคนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงเลยก็ต้องไปลงทุนโดยการฝากเงิน แต่หากท่านเป็นคนที่ พอจะยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง ท่านก็สามารถลงทุนโดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเองโดยตรง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็ได้ หรือหากท่านสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้นท่านก็สามารถลงทุนในกองทุนรวมที่ มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้เอกชน เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารทุน เช่น หุ้นก็ได้ หรือท่านอาจสามารถพิจารณาได้จากอายุของตนเอง เช่น หากท่านอายุ 30 ปีและท่านยังคิดว่าจะทำงานจนกว่าอายุครบ 60 ปี แสดงว่าท่านยังมีเวลาและยังมีรายได้เข้ามาอีกประมาณ 30 ปี การรับความเสี่ยงก็สามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าคนที่อายุ 60 ปีซึ่งเหลือแต่เวลาที่จะใช้เงิน และอาจไม่มีรายได้จากการรับเงินเดือนอีกต่อไป ก็สามารถที่จะเลือกลงทุนกับกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นกู้ หรือหุ้นทุน ก็ได้เป็นต้น
4. อย่าลืมดูว่ากองทุนที่ท่านสนใจนั้นๆ มีเงื่อนไขในการลงทุนอย่างไร เช่นเงื่อนไขการซื้อและขายหน่วยลงทุน โดยเฉพาะในเงื่อนไขของการขายคืนหน่วยลงทุน เพื่อท่านจะได้ทราบถึงสภาพคล่องในการลงทุนของท่าน หากท่านต้องการใช้เงินจากการลงทุน
5. พิจารณาค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะระบุไว้ทั้งหมดในหนังสือชี้ชวนและเอกสารการขายเพื่อท่านจะได้ทราบว่า มีค่าใช้จ่ายใด บ้างที่เรียกเก็บโดยตรงจากท่าน และมีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่เรียกเก็บจากกองทุน
6. เลือกบริษัทจัดการที่ท่านพอใจ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติสำคัญๆ ดังนี้ มีใบอนุญาตหลักทรัพย์ประเภทจัดการกองทุนรวม มีทีมงานที่มีคุณภาพสูงด้านความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์สูง มีปรัชญาการจัดการลงทุนที่ดี และมีจรรยาบรรณ ซึ่งทั้งหมดจะสะท้อนออกมาจากผลการดำเนินงานและประวัติความผิดต่างๆ ที่สำนักงาน ก.ล.ต.บันทึกแสดงไว้ * หมายเหตุ: ก่อนการตัดสินใจลงทุนหากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการคำแนะนำในการลงทุนเพิ่มเติม ท่านควรสอบถามที่บริษัทจัดการหรือ ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดก่อนที่จะลงทุนทุกครั้ง
2. ท่านมีสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ ที่อยู่ของบริษัทจัดการ ผู้จัดจำหน่ายหน่วยลงทุนและตัวแทนสนับสนุน รวมทั้งชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัว ของพนักงานผู้ทำหน้าที่ขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของนิติบุคคล โดยสามารถ สอบถามข้อมูลดังกล่าวได้จาก พนักงานที่ทำหน้าที่ขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ท่านติดต่อ
3. ท่านมีสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหน่วย ลงทุนที่ได้รับคำแนะนำเพื่อซื้อหน่วยลงทุนนั้น ตลอดจนรับทราบคำเตือนและคำอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุนในหน่วยลงทุน
4. ท่านมีสิทธิในการได้รับทราบข้อเท็จจริงที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสิทธิ ประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุนหรือต่อการตัดสินใจในการลงทุน เช่น การขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อการควบกอง ทุนรวมหรือการรวมกองทุนรวม เป็นต้น
5. ท่านมีสิทธิในการได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น ค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนที่ตัวแทนสนับสนุนอาจได้รับจากการซื้อหรือขายคืน หน่วยลงทุนของท่าน เป็นต้น
6. หากท่านยังไม่เคยเป็นลูกค้าของผู้ขายหน่วยลงทุนมาก่อน ท่านมีสิทธิในการแสดงเจตนาว่าไม่ต้องการรับการติดต่อในลักษณะที่เป็นการขาย หรือชักชวนเพื่อให้ซื้อหน่วยลงทุนในครั้งแรกโดยท่านมิได้เป็นฝ่ายร้องขอ (Cold calling) ได้ทันที หากท่านไม่มีความต้องการที่จะลงทุน เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการรับฟังข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน จากผู้แนะนำการลงทุน
7. หากท่านมิใช่ผู้ลงทุนสถาบัน และยังไม่เคยเป็นลูกค้าของผู้ขายหน่วยลงทุนมาก่อน ท่านมีสิทธิที่จะยกเลิกคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนหรือขายคืนหน่วยลงทุนในกรณีที่ เป็นการขายโดยผู้ลงทุนมิได้ร้องขอ (cold calling) โดยหากเป็นการขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่อประชาชนครั้งแรก ท่านสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนได้ภายในสองวันทำการนับตั้งแต่วันถัด จากวันที่ระบุในใบจองซื้อหน่วยลงทุน โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือหาก เป็นการขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดในช่วงระยะเวลาหลังจากการขายหน่วยลงทุน ต่อประชาชนในครั้งแรก ท่านมีสิทธิขายคืนหน่วยลงทุนโดยได้รับ คืนตามราคามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันทำการรับซื้อคืน วันถัดจากวันที่แสดงเจตนาขายคืนหน่วยลงทุน และท่านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนหรือค่าใช้ จ่ายใดๆ