สหรัฐฯ
"ทรัมป์" ขอเวลาอีก 2 สัปดาห์ ก่อนตัดสินใจโจมตีอิหร่าน นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เชื่อว่ายังคงมีโอกาสสำหรับการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน และเขาจะทำการตัดสินใจว่าจะเปิดฉากโจมตีอิหร่านหรือไม่ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า นางเลวิตต์กล่าวอ้างคำพูดของปธน.ทรัมป์ว่า "จากข้อเท็จจริงที่ว่า ยังคงมีโอกาสอย่างมากสำหรับการเจรจากับอิหร่านในอนาคตอันใกล้ หรืออาจจะไม่มี ผมจะตัดสินใจว่าจะทำการโจมตีหรือไม่ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า" ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในการเปิดฉากโจมตีอิหร่าน โดยเว็บไซต์ข่าว Axios รายงานเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. อ้างแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการทำสงคราม และโจมตีเป้าหมายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน (อินโฟเควสท์)
ตลาดหุ้น น้ำมัน เงิน ทองคำนิวยอร์กปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย.เนื่องในวันจูนทีนธ์ (Juneteenth)
ยุโรป
IMF เตือนเศรษฐกิจยูโรโซนเสี่ยงขาลง คาด GDP อาจโตเพียง 0.8% ปีนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ว่า ยูโรโซนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซา หากไม่มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่อ่อนแอ และภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น IMF ระบุว่า ความตึงเครียดด้านการค้าและอุปสงค์ที่ซบเซาลง กำลังส่งผลกระทบต่อแรงผลักดันทางเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญภาวะขาลง ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.8% ในปี 2568 แม้อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายก็ตาม IMF แนะนำให้รัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนใช้มาตรการที่แข็งแกร่งเพื่อพลิกฟื้นประสิทธิภาพด้านการผลิตและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว พร้อมกับเตือนว่าการแตกกลุ่ม (fragmentation) ทางการค้าที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ กำลังบั่นทอนการเติบโตของภาคเอกชน เนื่องจากบริษัทเอกชนต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร โดยหากรัฐบาลในกลุ่มยูโรโซนสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการใช้กฎระเบียบที่สอดคล้องกันและการปฏิรูปตลาดทุน ก็อาจช่วยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 3% ภายในช่วงเวลา 10 ปี นอกจากนี้ รายงานของ IMF ระบุว่า ประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่มีสถานะการคลังที่แข็งแกร่งควรจะเพิ่มการลงทุน เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ การดูแลประชากรสูงวัย และการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ทำให้งบประมาณการใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2568, 1.1% ในปี 2569 และ 1.3% ในปี 2570 โดย ECB ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปี 2569 ลง 0.1% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. (อินโฟเควสท์)
BoE เสียงแตกประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% วันนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6-3 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25% ในการประชุมวันนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ กรรมการ MPC จำนวน 6 รายมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่อีก 3 รายมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนส.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในไตรมาส 4/2568 การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้มีขึ้น หลังอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อแตะระดับ 3.4% ในเดือนพ.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของ BoE ที่ระดับ 2% (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาตินอร์เวย์เซอร์ไพรส์ตลาด หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.25% ในวันนี้ (19 มิ.ย.) ถือเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เพราะส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ธนาคารกลางระบุในแถลงการณ์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ยังคงไม่แน่นอน แต่หากเป็นไปตามทิศทางที่คาดการณ์ ธนาคารกลางอาจปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ ก่อนหน้านี้ ในการประชุมเดือนพ.ค. ธนาคารกลางนอร์เวย์มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ไอดา วอลเดน บาช ผู้ว่าการธนาคารกลางนอร์เวย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่การประชุมนโยบายการเงินเมื่อเดือนมี.ค. และแนวโน้มเงินเฟ้อสำหรับปีหน้าคาดว่าจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า พร้อมย้ำว่า การลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบเกินควร (อินโฟเควสท์)
แบงก์ชาติสวิสหั่นดอกเบี้ยเหลือ 0% หลังเงินเฟ้อร่วง-ฟรังก์แข็งค่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 0% ในวันนี้ (19 มิ.ย.) เพื่อตอบสนองต่อปัจจัยด้านเศรษฐกิจหลายประการ ทั้งแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง เงินฟรังก์สวิสที่แข็งค่า และภาวะไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มผันผวนในช่วงที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และตลาดการเงิน โดยนับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ติดต่อกันของ SNB ตั้งแต่เริ่มวงจรผ่อนคลายเมื่อเดือนมี.ค. 2567 และทำให้อัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ระดับติดลบอีกครั้ง ซึ่งเป็นนโยบายที่เคยใช้ในช่วงปี 2557–2565 แต่ไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ฝากเงิน ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกัน SNB เปิดเผยว่า การตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นผลจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งยังเป็นการดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อต่ำเกินไปในระยะยาว ตัวเลขเงินเฟ้อของสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาอยู่ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และหลุดกรอบเป้าหมายของ SNB ที่ตั้งไว้ระหว่าง 0-2% ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว นักวิเคราะห์จาก UBS มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าเงินฟรังก์สวิสที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มอ่อนแรงลง ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ประกาศในเดือนเม.ย. ในภาพรวมของเศรษฐกิจโลก SNB คาดว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า โดยเงินเฟ้อในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ในยุโรปคาดว่าจะเผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง (อินโฟเควสท์)
ยุโรปเบรกเที่ยวสหรัฐฯ วิตกนโยบายทรัมป์ ดันราคาตั๋วเครื่องบินลดต่ำสุดในรอบหลายปี ราคาค่าโดยสารเครื่องบินเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกปรับตัวลดลงมาแตะระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ลดลง และอาจยืดเยื้อไปถึงช่วงวันหยุดฤดูร้อน ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมการบินและท่องเที่ยวมีความคึกคักที่สุด รายงานระบุว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นผลมาจากความกังวลต่อมาตรการควบคุมชายแดนของสหรัฐฯ และนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ข้อมูลเบื้องต้นจากทางการสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ในเดือนพ.ค. ลดลง 2.8% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันตกลดลง 4.4% โดยเฉพาะผู้โดยสารจากเดนมาร์กและเยอรมนี โอเอจี เอวิเอชัน (OAG Aviation) บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการท่องเที่ยวเผยว่า ยอดจองล่วงหน้าเพื่อเดินทางไปสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. ลดลงกว่า 13% เมื่อเทียบรายปี สะท้อนแนวโน้มการลดลงอย่างต่อเนื่อง รายงานระบุว่า ความต้องการเดินทางที่ลดลงส่งผลกระทบต่อรายได้สายการบินฝั่งยุโรป ไม่ว่าจะเป็นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม (Air France KLM) และลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa) ที่ต้องเผชิญกับทั้งต้นทุนแรงงานและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึงปัญหาเส้นทางบินจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกสหรัฐฯ เข้าร่วมถล่มอิหร่าน ตลาดหุ้นยุโรปร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือนในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 535.86 จุด ลดลง 4.47 จุด หรือ -0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,553.45 จุด ลดลง 102.67 จุด หรือ -1.34%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,057.38 จุด ลดลง 260.43 จุด หรือ -1.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,791.80 จุด ลดลง 51.67 จุด หรือ -0.58% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 51.67 จุด หลัง BoE ตรึงดอกเบี้ย-วิตกสถานการณ์ตอ.กลาง ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้นยังคงจำกัดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,791.80 จุด ลดลง 51.67 จุด หรือ -0.58% (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่น
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดลบ 396.81 จุด วิตกความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (19 มิ.ย.) หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐฯ อาจเข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีอิหร่าน ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,488.34 จุด ลดลง 396.81 จุด หรือ -1.02% (อินโฟเควสท์)
จีน
จีนเร่งพิจารณาใบอนุญาตส่งออกแร่หายาก พร้อมเจรจากับนานาประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงในวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า จีนให้ความสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานทั่วโลกมาโดยตลอด โดยได้เร่งกระบวนการพิจารณาอนุมัติคำขอใบอนุญาตส่งออกแร่หายากให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างถ้อยแถลงของเหอ ย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนว่า จีนได้อนุมัติคำขอที่ถูกต้องตามกฎหมายไปแล้วจำนวนหนึ่ง และจะยังคงเดินหน้าพิจารณาและอนุมัติคำขอเหล่านี้ต่อไป กระทรวงฯ เสริมว่า จีนยินดีที่จะยกระดับการสื่อสารและหารือกับประเทศที่เกี่ยวข้องในประเด็นการควบคุมการส่งออก พร้อมส่งเสริมการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจัง (อินโฟเควสท์)
จีนขยายนโยบายปลอดภาษีครอบคลุมสินค้า 100% ให้กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนได้ประกาศขยายนโยบายยกเว้นภาษีศุลกากรให้กับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน โดยครอบคลุมสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีเพิ่มขึ้นจาก 98% เป็น 100% คณะผู้แทนจีนได้แจ้งเรื่องนี้ต่อที่ประชุมองค์การการค้าโลก (WTO) ที่นครเจนีวา เมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) โดยระบุว่านโยบายใหม่ข้างต้น ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เป็นความพยายามส่วนหนึ่งของจีนในการเปิดกว้างแก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุดและกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาเพิ่มขึ้น คณะผู้แทนจีนยังชี้แจงเกี่ยวกับแถลงการณ์จีน-แอฟริกาฉบับล่าสุด ซึ่งจีนแสดงความพร้อมขยายมาตรการยกเว้นภาษีศุลกากรให้ครอบคลุม 100% ของจำนวนพิกัดภาษีศุลกากรสำหรับประเทศในทวีปแอฟริกาทั้ง 53 แห่ง ซึ่งดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน นอกจากนโยบายยกเว้นภาษีศุลกากรแล้ว จีนมุ่งมั่นจะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อส่งเสริมการค้าสินค้า รวมถึงสนับสนุนโครงการฝึกอบรมทักษะและเทคนิค สำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุดในทวีปแอฟริกาอีกด้วย มาตรการเหล่านี้มุ่งสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาและแรงขับเคลื่อนการเติบโตแก่กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกาและกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด พร้อมมีส่วนส่งเสริมเสถียรภาพและแรงขับเคลื่อนเชิงบวกแก่การค้าทั่วโลก จีนเรียกร้องสมาชิกองค์การฯ ทั้งหมดร่วมยึดถือระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่เสรีและเปิดกว้าง และส่งเสริมโลกาภิวัตน์ที่ครอบคลุมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ท่ามกลางความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องในการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ คณะผู้แทนจากกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา และอื่น ๆ ได้ชื่นชมมาตรการของจีน พร้อมกระตุ้นสมาชิกองค์การฯ ดำเนินการตามจีนที่เสนอนโยบายเอื้อสิทธิประโยชน์แบบมุ่งเป้า ความช่วยเหลือเสริมสร้างขีดความสามารถ และการสนับสนุนอื่นๆ แก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด เพื่อเดินหน้าพัฒนาการค้าระดับโลกที่ครอบคลุมและยั่งยืน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 26.70 จุด กังวลตะวันออกกลางตึงเครียด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังเตรียมความพร้อมในการโจมตีอิหร่าน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกว่าภาวะไร้เสถียรภาพในตะวันออกกกลางอาจเกิดขึ้นในเป็นวงกว้าง ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,362.11 จุด ลดลง 26.70 จุด หรือ -0.79% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดดิ่ง 472.95 จุด วิตกตะวันออกกลาง, พาวเวลเตือนเงินเฟ้อสูง ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับรายงานข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังเตรียมความพร้อมในการโจมตีอิหร่าน ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก่อให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลจะยิ่งลุกลามบานปลาย ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 23,237.74 จุด ร่วงลง 472.95 จุด หรือ -1.99% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
ผู้นำเม็กซิโกยกหูคุยทรัมป์ เสนอดีลร่วมมือด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ คลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าวเมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) ว่า เธอได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และเสนอข้อตกลงที่ครอบคลุมด้านความมั่นคง การย้ายถิ่นฐาน และการค้า เชนบามเปิดเผยในการแถลงข่าวประจำวันว่า เธอได้พูดคุยกับทรัมป์เมื่อวันอังคาร (17 มิ.ย.) หลังจากที่เขาออกจากการประชุมกลุ่ม G7 ที่แคนาดาก่อนกำหนด อันเนื่องมาจากวิกฤตในตะวันออกกลาง สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เชนบามเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีกรอบการทำงานอย่างเป็นทางการสำหรับความร่วมมือทวิภาคี เมื่อพิจารณาจากขนาดของชุมชนชาวเม็กซิโกในสหรัฐฯ เชนบามกล่าวว่า "ดิฉันเสนอข้อตกลงโดยรวม ซึ่งครอบคลุมด้านความมั่นคง การย้ายถิ่นฐาน และการค้า นอกจากนี้ ดิฉันยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้การยอมรับชาวเม็กซิโกในสหรัฐฯ ครอบครัวต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ที่นั่นมานานหลายปีและมีส่วนในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ" เชนบามกล่าวถึงความคืบหน้าในด้านการรักษาความปลอดภัยชายแดนและการย้ายถิ่นฐาน โดยชี้ให้เห็นถึงชายแดนที่ "ปลอดภัยมากขึ้น" และ จำนวนผู้อพยพข้ามพรมแดนที่ "ลดลงอย่างมาก" นอกจากนี้ เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า มาร์เซโล เอบราด รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเม็กซิโกจะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้เพื่อหารือถึงปัญหาการค้าที่ยังรอการดำเนินการ ขณะที่ปัญหาความปลอดภัยและการย้ายถิ่นฐานจะได้รับการจัดการผ่านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เชนบามกล่าวถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์กับทรัมป์ ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 แล้วนับตั้งแต่ที่เขาหวนคืนสู่ทำเนียบขาวว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยระบุว่า ทรัมป์ยังได้กล่าวขอโทษที่ยกเลิกการพบปะกันระหว่างการประชุม G7 พร้อมเชิญเธอเยือนกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาหารือ โดยการเยือนจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป (อินโฟเควสท์)
อิหร่านเผยถูกอิสราเอลโจมตีโรงงานน้ำมวลหนัก, ปัดข่าวยิงขีปนาวุธใส่รพ.อิสราเอล สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านรายงานในวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า โรงงานผลิตน้ำมวลหนัก (heavy water) ในเมืองอารักของอิหร่าน ถูกอิสราเอลโจมตี อย่างไรก็ดี โรงงานดังกล่าวได้มีการอพยพคนออกมาก่อนเกิดเหตุโจมตี และไม่มีความเสี่ยงของการรั่วไหล โดยก่อนหน้านี้ อิสราเอลเคยเตือนแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่จะโจมตีโรงงานแห่งนี้ ทั้งนี้ น้ำมวลหนักเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่านได้ออกมาแก้ข่าวที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธใส่โรงพยาบาล Soroka Medical Center ในเมืองเบียร์ชีบาทางตอนใต้ของอิสราเอลในช่วงเช้าวันนี้ จนเกิดความเสียหายอย่างหนัก รายงานระบุว่า ความจริงแล้ว อิหร่านมุ่งเป้าโจมตีกองบัญชาการกองกำลังโทรคมนาคม C4I และหน่วยข่าวกรองของกองทัพอิสราเอล แต่โรงพยาบาลดังกล่าวได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนของการระเบิด (อินโฟเควสท์)
อิสราเอลโจมตีทางตะวันตกของอิหร่าน เล็งเป้าหมายฐานยิงขีปนาวุธ กองทัพอิสราเอลประกาศว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลประมาณ 20 ลำได้ทำการโจมตีในพื้นที่ทางตะวันตกของอิหร่านในวันนี้ โดยเล็งเป้าหมายฐานยิงขีปนาวุธจากพื้นสู่พื้น รวมทั้งกำลังพลของกองทัพอิหร่าน นอกจากนี้ กองทัพอากาศอิสราเอลได้โจมตีรถบรรทุกที่ขนขีปนาวุธไปยังจุดเตรียมยิง ขณะที่อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธจำนวนมากใส่อิสราเอลในช่วงเช้าวันนี้ นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่ม "ปฏิบัติการสิงโตผงาด" ในวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลรายงานว่ามีผู้ได้รับการรักษาบาดแผลจำนวน 2,345 ราย โดย 21 รายอยู่ในอาการสาหัส ขณะที่ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลแล้ว อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ป่วย 106 รายที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และอีก 149 รายอยู่ระหว่างการรักษาในห้องฉุกเฉิน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex ปิดแดนลบ ซื้อขายผันผวน ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 81,361.87 ลบ 82.79 หรือ 0.10% (อินโฟเควสท์)
ไทย
"แพทองธาร" ไปต่อ! แถลงขออภัยประชาชนกรณีคลิปหลุด ย้ำรัฐบาลผนึกกองทัพสู้ภัยคุกคามชาติไม่มีเวลาทะเลาะกันเอง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงขออภัยประชาชนที่เกิดความไม่สบายใจจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เพราะไม่ทราบว่าจะถูกบันทึกคลิปไว้ ซึ่งกระทรวงต่างประเทศได้ทำหนังสือประท้วงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาไปแล้ว และ นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จากนี้จะระมัดระวังการพูดคุยกับทางฝ่ายกัมพูชามากขึ้น รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจ และไม่มีความเคารพซึ่งกันและกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหา รัฐบาลไทยจึงได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามของชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือและประสานการปฏิบัติกับผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเป็นเอกภาพ น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ขณะที่พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 และทางกองทัพแล้ว ซึ่งมีความเข้าใจกันดี รัฐบาลและกองทัพพร้อมผนึกกำลังสู้กับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ โดยย้ำว่าจะใช้แนวทางสันติวิธี เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไทยในกัมพูชาและประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจะทำหรือตัดสินใจอะไรในมิติต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงคนไทยที่อยู่กัมพูชาและคนไทยตามแนวชายแดนด้วย ต้องให้ความปลอดภัยกับประชาชนด้วย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 25.85 จุด รับแรงเทขายต่อเนื่องกังวลเสถียรภาพรัฐบาล-ปลุกม็อบไล่นายกฯ SET ปิดวันนี้ที่ 1,068.73 จุด ลดลง 25.85 จุด (-2.36%) มูลค่าซื้อขาย 46,634.59 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงจากความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล และกลุ่มผู้ชุมนุมยังออกมาเรียกร้องให้นายกฯลาออก ห่วงกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และยังมีปัจจัยความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านกดดันอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มพรุ่งนี้ติดตามความคืบหน้าของประเด็นการเมือง โดยให้แนวต้าน 1,080 จุด แนวรับ 1,050 จุด SET ปิดวันนี้ที่ 1,068.73 จุด ลดลง 25.85 จุด (-2.36%) มูลค่าซื้อขาย 46,634.59 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงแรง โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,066.07 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,085.71 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 66 หลักทรัพย์ ลดลง 460 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 128 หลักทรัพย์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 75,096 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 75,096 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 8,866 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 1,983 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 2,108 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.49% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03% ภาพรวมของตลาดในวันนี้ Yield Curve ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้าประมาณ 1-3 bps. สำหรับกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวันนี้ NET INFLOW 2,095 ล้านบาท โดยเกิดจาก NET BUY 2,107 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) 12 ล้านบาท ด้านปัจจัยต่างประเทศ ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ตามการคาดการณ์ของตลาด พร้อมปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2568 อยู่ที่ระดับ 1.4% จากเดิมคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ว่าจะมีการขยายตัว 1.7% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.1% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.8% ขณะที่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้ ทั้งนี้ตลาดติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในคืนนี้ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.77 อ่อนค่าจากช่วงเช้า สงครามตอ.กลาง-การเมืองในประเทศยังกดดัน นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.77 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.69 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.94 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่าตามภูมิภาค จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐอเมริกาเตรียมโจมตีอิหร้าน รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน นักบริหารเงิน คาดกรอบเงินบาทวันพรุ่งนี้ที่ 32.65-32.95 บาท/ดอลลาร์ รอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) (อินโฟเควสท์)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) จีน
อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ญี่ปุ่น
ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประชุม ญี่ปุ่น
ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ