• X
  • ค้นหา
  • TH EN
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu แนะนำ
    • NAV
    • ค้นหากองทุน
    • กองทุนแนะนำ
    • กองทุนผลงานดี
    • ตารางจ่ายเงินปันผล
    • วันหยุดกองทุน
    • ข่าว/บทวิเคราะห์
    • กลยุทธ์การลงทุน
    • กำหนดการและแบบฟอร์ม
    • โปรโมชั่น
    • ข้อมูลกองทุน
    • เปรียบเทียบกองทุน
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน/รีทส์/อสังหาริมทรัพย์
  1. หน้าแรก
  2. KTAM Daily News
  3. สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน

สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน

สหรัฐฯ
สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 98.8 ในเดือนพ.ค. โดยเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2567 ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศลดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% อย่างไรก็ดี ดัชนีความไม่แน่นอนปรับตัวขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 94 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการผ่านร่างกฎหมายภาษีของปธน.ทรัมป์ในวุฒิสภาสหรัฐ (อินโฟเควสท์)
ผลสำรวจชี้ ซีอีโอในสหรัฐฯ กังวลน้อยลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลสำรวจล่าสุดโดย Chief Executive Group พบว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในสหรัฐฯ มีความกังวลน้อยลงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. โดยผลสำรวจจากซีอีโอ 277 คนระบุว่า มีเพียง 28% ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบไม่รุนแรงหรือชะลอตัวในระยะสั้น และไม่มีใครคาดว่าจะเกิดภาวะถดถอยรุนแรง ซึ่งลดลงจากเดือนพ.ค.ที่มีซีอีโอถึง 38% คาดว่าเศรษฐกิจจะถดถอยแบบไม่รุนแรง และ 8% คาดว่า เศรษฐกิจจะถดถอยอย่างหนักในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกัน การประเมินสภาพธุรกิจปัจจุบันของซีอีโอในเดือนมิ.ย.ก็ดีขึ้น โดย 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความคืบหน้า ด้านความต้องการของผู้บริโภคนั้น ซีอีโอส่วนใหญ่ยังคงมองในแง่บวก โดย 69% ระบุว่า ความต้องการซื้อของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับเดียวกับหรือสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนว่ากำลังซื้อภายในประเทศยังแข็งแกร่งพอสมควร นอกจากนี้ การคาดการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อก็เริ่มผ่อนคลายลงในเดือนพ.ค. ตามรายงานจากผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก ซึ่งเผยแพร่ในวันเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ เฟดเคยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงเล็กน้อยนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. เนื่องจากผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ผลสำรวจยังเปิดเผยว่า ซีอีโอที่มองว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเล็กน้อยภายในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 25% ในเดือนพ.ค.เป็น 36% ขณะที่ผู้ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 6% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวในภาคเอกชน หลังช่วงเวลาที่ตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภาษีและความตึงเครียดด้านการค้า (อินโฟเควสท์)
รัฐแคลิฟอร์เนียฟ้องทรัมป์ลุแก่อำนาจ ปมระดมกำลังพิทักษ์มาตุภูมิคุมการประท้วง แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และร็อบ บอนตา อัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากกรณีส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐเข้าไปในลอสแอนเจลิส ระหว่างที่มีการประท้วงต่อต้านการบุกเข้าจับกุมผู้อพยพ โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ "ก้าวไปสู่ระบอบเผด็จการ" ทั้งคู่เปิดเผยในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ว่า ตนได้ยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์เพื่อยุติการเข้ามายึดอำนาจกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐโดย "ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่จำเป็น" ซึ่งเข้ามาเพิ่มความวุ่นวายและความรุนแรงในลอสแอนเจลิส สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอกสารฟ้องร้องดังกล่าวระบุชื่อของทรัมป์, พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยอ้างว่าการเข้ามายึดอำนาจครั้งนี้ละเมิดรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ และเกินขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีตามมาตรา 10 ไม่ใช่แค่เพราะการเข้ามายึดอำนาจนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือข้อมูลจากผู้ว่าการรัฐตามที่กฎหมายของรัฐบาลกลางกำหนด แต่ยังเป็นเพราะไม่สมเหตุสมผลด้วย (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 105.11 จุด รับความหวังเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯคืบหน้า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ขานรับความหวังที่ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีความคืบหน้าและช่วยคลี่คลายข้อพิพาทด้านการค้าของทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,866.87 จุด เพิ่มขึ้น 105.11 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,038.81 จุด เพิ่มขึ้น 32.93 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,714.99 จุด เพิ่มขึ้น 123.75 จุด หรือ +0.63% (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 31 เซนต์ ตลาดรอผลเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอคอยผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ในวันนี้ ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 64.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 66.87 ดอลลาร์/บาร์เรล (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า รับสัญญาณชี้เจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯคืบหน้า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (10 มิ.ย.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.16% แตะที่ระดับ 99.099 ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.96 เยน จากระดับ 144.56 เยนในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8230 ฟรังก์ จากระดับ 0.8213 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3677 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1420 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1428 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3494 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3563 ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $11.50 เหตุดอลล์แข็งฉุดตลาด-จับตาเจรจาการค้า สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการเจรจามีความคืบหน้า นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 11.50 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 3,343.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.2% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ (อินโฟเควสท์)  
บอนด์ยีลด์ร่วง จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน,ดัชนี CPI อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ณ เวลา 20.08 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.452% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.916% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดทรงตัว นักลงทุนรอผลเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคาร (10 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนรอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในวันที่สองที่กรุงลอนดอน ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 553.12 จุด ลดลง 0.12 จุด หรือ -0.022% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,804.33 จุด เพิ่มขึ้น 12.86 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,987.56 จุด ลดลง 186.76 จุด หรือ -0.77% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,853.08 จุด เพิ่มขึ้น 20.80 จุด หรือ +0.24% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 20.80 จุด ขานรับความหวัง BoE ลดดอกเบี้ยอีก ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (10 มิ.ย.) โดยดัชนี FTSE 100 ขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานของอังกฤษที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนยังคงอยู่ที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,853.08 จุด เพิ่มขึ้น 20.80 จุด หรือ +0.24% (อินโฟเควสท์)  
ญี่ปุ่น
"อิชิบะ" ชูนโยบายขึ้นค่าจ้าง 50% ภายในปี 83 หวังซื้อใจประชาชนก่อนเลือกตั้ง ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งวุฒิสภาที่จะมีขึ้นในเดือนก.ค. โดยตั้งเป้าเพิ่มค่าจ้างเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่น 50% พร้อมขยายขนาดเศรษฐกิจให้ทะลุ 1 พันล้านล้านเยน (6.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2583 คำสัญญานี้มีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลของอิชิบะกำลังเผชิญความยากลำบาก หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของเขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และการเจรจาเรื่องภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ อิชิบะกล่าวว่า รัฐบาลจะประกาศแนวนโยบายเศรษฐกิจสำหรับอนาคตภายในสัปดาห์นี้ โดยเขาต้องการให้สังคมญี่ปุ่นเข้าใจร่วมกันว่าภาพของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งควรเป็นอย่างไร ทั้งนี้ แม้รัฐบาลเคยตั้งเป้าให้จีดีพีแตะ 1 พันล้านล้านเยนภายในปี 2583 มาก่อนแล้ว แต่คำมั่นของอิชิบะครั้งนี้ทำให้เป้าหมายดังกล่าวได้รับความสนใจอีกครั้ง อิชิบะเสริมว่า ประชาชนควรมีความมั่นคงทางการเงินจากการที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ โดยเพื่อให้ค่าจ้างเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 50% ภายในปี 2583 ค่าจ้างจะต้องขยับขึ้นประมาณปีละ 2.74% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย ขณะที่ Nominal GDP ของญี่ปุ่นในปี 2567 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 609 ล้านล้านเยน ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์โยมิอูริรายงานในวันนี้ว่า พรรคแอลดีพี (LDP) กำลังพิจารณาแจกเงินสดจำนวนหลายร้อยดอลลาร์ต่อคนก่อนการเลือกตั้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น (อินโฟเควสท์)
รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมระบายข้าวในคลังเพิ่มอีก 200,000 ตัน ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น ระบุในวันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนจะระบายข้าวสารออกจากคลังอีก 200,000 ตันโดยผ่านสัญญาโดยตรงกับผู้ค้าปลีก ซึ่งถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดเพื่อควบคุมราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น โดยจะทำให้ประเทศมีข้าวสารสำรอง 100,000 ตัน โคอิซูมิกล่าวว่า ข้าวที่ระบายออกมาจะถูกส่งไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก รวมถึงร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ด้วย สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นได้กักตุนข้าวไว้ 910,000 ตัน ก่อนที่จะนำข้าวประมาณ 310,000 ตันออกประมูลในเดือนมี.ค.และเม.ย. โดยโคอิซูมิ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเกษตรเมื่อวันที่ 21 พ.ค. หลังจากที่รัฐมนตรีคนก่อนหน้าได้ลาออกจากตำแหน่งเพราะทำให้ประชาชนไม่พอใจ ตัดสินใจปล่อยข้าวจำนวน 300,000 ตันโดยใช้วิธีการพิเศษอย่างการขายผ่านสัญญาตรงกับผู้ค้าปลีก ทั้งนี้ ราคาข้าวได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,260 เยน (29 ดอลลาร์) ต่อ 5 กิโลกรัมในช่วงปลายเดือนพ.ค. รัฐบาลคาดว่า การขายข้าวในราคาที่ถูกลงผ่านสัญญาโดยตรงจะทำให้ราคาข้าวลดลง ข้าวที่ระบายออกมานั้นประกอบด้วย 100,000 ตันจากการเก็บเกี่ยวในปี 2563 และ 2564 โดยโคอิซูมิคาดว่า ข้าวของปี 2563 จะขายได้ในราคา 1,700 เยนต่อ 5 กิโลกรัม (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดบวก 122.94 จุด รอผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ (10 มิ.ย.) เป็นวันที่สามติดต่อกัน แม้ลดลงจากระดับสูงสุดของวัน ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกว่าจะช่วยคลี่คลายความตึงเครียดได้หรือไม่ สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,211.51 จุด เพิ่มขึ้น 122.94 จุด หรือ +0.32% หุ้นบวกนำตลาดได้แก่กลุ่มขนส่งทางทะเล, กลุ่มเครื่องมือชั่งตวงวัด และกลุ่มเหมืองแร่ (อินโฟเควสท์)  
จีน
ทรัมป์เผยเจรจาจีนไม่ง่าย เตรียมหารือต่อวันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า การเจรจากับจีนดำเนินไปด้วยดี แต่ยอมรับว่าจีนเป็นคู่เจรจาที่ "ไม่ง่าย" พร้อมระบุว่า ตนได้รับแต่รายงานที่ดีเกี่ยวกับการพูดคุยครั้งนี้ รายงานระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในวันแรกจัดขึ้นที่คฤหาสน์แลงคาสเตอร์เฮาส์ อาคารประวัติศาสตร์สมัยศตวรรษที่ 19 ใกล้พระราชวังบักกิงแฮม ซึ่งกินเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะสิ้นสุดลงเมื่อเวลาราว 20.00 น. ของวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ตามเวลาลอนดอน (02.00 น. วันอังคารตามเวลาไทย) โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจาต่อเป็นวันที่สองในวันนี้ (10 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (16.00 น. ตามเวลาไทย) เพื่อหาทางคลี่คลายความขัดแย้งด้านการส่งออกเทคโนโลยีและแร่หายาก คณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ นำโดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ และเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ส่วนเจ้าหน้าที่เจรจาการค้าของจีนนำโดยเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ภายหลังการประชุม เบสเซ็นต์เผยกับผู้สื่อข่าวในกรุงลอนดอนว่า การประชุมเป็นไปด้วยดี ขณะที่ลุตนิกระบุว่า การเจรจาให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ขณะที่เหอ ลี่เฟิง ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อ ทั้งนี้ สหรัฐฯ แสดงท่าทีพร้อมผ่อนคลายข้อจำกัดบางประการในการส่งออกเทคโนโลยี หากจีนยอมลดข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่ใช้ในผลิตภัณฑ์พลังงาน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น สมาร์ตโฟน เครื่องบินขับไล่ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากเกือบ 70% ของตลาดโลก (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 14.96 จุด นลท.ระวังเทรดก่อนรู้ผลเจรจาการค้า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,384.82 จุด ลดลง 14.96 จุด หรือ -0.44% (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดลบ 18.56 จุด จับตาผลเจรจาจีน-สหรัฐฯ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประชุมร่วมกันตั้งแต่เมื่อวานและจะประชุมต่อเป็นวันที่สองในวันนี้ โดยการเจรจามุ่งเน้นไปที่การส่งออกแร่หายากและความเป็นไปได้ที่จะมีการผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการส่งออก ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 24,162.87 จุด ลดลง 18.56 จุด หรือ -0.08% (อินโฟเควสท์)  
เอเชีย และอื่นๆ
เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงเดือนเม.ย. เหตุภาษีทรัมป์กดดัน ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า เกาหลีใต้ยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 24 ในเดือนเม.ย. แต่ยอดเกินดุลลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้อยู่ที่ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเม.ย. ลดลงจาก 9.14 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้ยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องทุกเดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 รายงานระบุว่า ดุลการค้าสินค้าเกินดุลที่ 8.99 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. เนื่องจากยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 5.857 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 5.1% มาอยู่ที่ 4.958 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดุลบริการกลับขาดดุล 2.83 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ด้านบัญชีรายได้ปฐมภูมิ (Primary Income Account) ซึ่งติดตามข้อมูลค่าแรงของแรงงานต่างชาติ การจ่ายเงินปันผลจากต่างประเทศ และรายได้จากดอกเบี้ย ขาดดุล 190 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ในเดือนเม.ย. ยอดส่งออกจากเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 6.8% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับบรรดาประเทศคู่ค้า โดยสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% แต่หลังจากนั้นไม่นานสหรัฐฯ ได้ระงับการใช้มาตรการชั่วคราวเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากัน สำหรับภาพรวมในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดสะสมอยู่ที่ 2.496 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.797 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (อินโฟเควสท์)
เวิลด์แบงก์หั่นคาดการณ์ GDP โลกปีนี้เหลือ 2.3% เซ่นพิษภาษี "ทรัมป์" ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในวันนี้ โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 2.3% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 2.7% โดยได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกระบุว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้มีน้อยกว่า 10% ธนาคารโลกปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้สู่ระดับ 1.4% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.3% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ระดับ 2.0% นอกจากนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ถูกปรับลดลงสู่ระดับ 0.7% จากเดิมที่ระดับ 1.0% อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกยังคงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ที่ระดับ 4.5% ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิม โดยระบุว่า จีนสามารถใช้นโยบายทางการเงินและการคลังในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกคาดว่าการค้าโลกจะขยายตัว 1.8% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 3.4% ในปีที่แล้ว และเติบโตเพียง 1 ใน 3 ของระดับ 5.9% ซึ่งเป็นการขยายตัวในช่วงทศวรรษ 2000 (อินโฟเควสท์)
ศาลอุทธรณ์กรุงโซลเลื่อนพิจารณาคดี "อี แจ-มยอง" ละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ศาลอุทธรณ์กรุงโซลของเกาหลีใต้ประกาศในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ว่า การพิจารณาคดีละเมิดกฎหมายเลือกตั้งของประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่จะมีการพิจารณาคดีในวันที่ 18 มิ.ย. โดยอ้างอิงมาตรา 84 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่จะได้รับการยกเว้นจากการถูกดำเนินคดีอาญา ยกเว้นในข้อหากบฏหรือการล้มล้างรัฐ อี แจ-มยอง ถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่แล้วในปี 2565 จนกระทั่งปี 2567 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินว่ามีความผิดจริง และลงโทษจำคุก 1 ปี โดยให้รอลงอาญา ต่อมาในเดือนมี.ค.ปีนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้อง แต่ในเดือนพ.ค. ศาลฎีกาได้กลับคำตัดสินและส่งเรื่องกลับไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง เดิมทีการพิจารณาคดีใหม่รอบแรกมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 พ.ค. แต่ศาลอุทธรณ์กรุงโซลได้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป โดยอ้างเหตุผลเรื่องความยุติธรรมในการเลือกตั้ง เนื่องจากในขณะนั้นอี แจ-มยอง กำลังลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่อดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึก นอกจากนี้ อี แจ-มยอง ยังมีอีก 4 คดีที่รอการพิจารณา ได้แก่ คดีคอร์รัปชันโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซองนัม คดียักยอกเงินของจังหวัดในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการจังหวัดคยองกี คดีโอนเงินไปยังเกาหลีเหนืออย่างผิดกฎหมาย และคดีสร้างพยานเท็จ ทั้งนี้ ประเด็นที่ว่าการพิจารณาคดีควรดำเนินต่อไปในช่วงที่อี แจ-มยอง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างมาก เนื่องจากบางฝ่ายตีความว่าการยกเว้นจากการถูกดำเนินคดีอาญาครอบคลุมเฉพาะคดีที่เกิดขึ้นใหม่หลังการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเท่านั้น ขณะที่การตัดสินใจเลื่อนพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์กรุงโซลอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของการดำเนินคดีอีก 4 คดีที่เหลือ (อินโฟเควสท์)
อิหร่านขู่โจมตีฐานนิวเคลียร์ลับของอิสราเอล หากถูกโจมตีก่อน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติอิหร่าน (SNSC) เปิดเผยในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ว่า กองทัพของอิหร่านจะมุ่งเป้าโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ลับของอิสราเอลในทันที หากอิหร่านถูกโจมตี หลังจากที่ก่อนหน้านี้อิหร่านอ้างว่าได้รับข่าวกรองที่ละเอียดอ่อนของอิสราเอล SNSC ออกแถลงการณ์ดังกล่าวในเวลาไม่กี่วันหลังจากที่เอสมาอิล คาติบ รัฐมนตรีข่าวกรองของอิหร่านระบุว่า อิหร่านได้รับเอกสารสำคัญของอิสราเอลผ่านปฏิบัติการข่าวกรอง สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จากการรวบรวมข่าวกรองเป็นเวลาหลายเดือนทำให้กองทัพอิหร่านสามารถระบุเป้าหมายมูลค่าสูงของอิสราเอลสำหรับการโจมตีตอบโต้ได้ ในกรณีที่อิสราเอลเปิดม่านปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน SNSC กล่าวว่า "นี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การต่อต้านข้อมูลเท็จจากอริศัตรูและเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันประเทศของอิหร่าน" โดยการที่อิหร่านเข้าถึงข้อมูลข่าวกรองของอิสราเอลนั้นจะเปิดโอกาสให้อิหร่านสามารถกำหนดเป้าโจมตีฐานที่ตั้งนิวเคลียร์ลับได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีที่อิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน และเสริมว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังสนับสนุนให้ตอบโต้การโจมตีเศรษฐกิจหรือสินทรัพย์ทางการทหารอย่างเหมาะสมได้อีกด้วย ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า อิสราเอลถือครองอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมาก แม้อิสราเอลจะไม่เคยยืนยันหรือปฏิเสธข่าวดังกล่าวอย่างเป็นทางการเลยก็ตาม โดยอิสราเอลใช้นโยบายยุทธศาสตร์ที่คลุมเครือมายาวนาน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex ปิดแดนลบ ขายทำกำไรฉุดตลาด ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังตลาดดีดตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 82,391.72 ลบ 53.49 จุด หรือ 0.06% หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานร่วงลงนำตลาดวันนี้ (อินโฟเควสท์)  
ไทย
ใกล้ครึ่งทาง! ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติเข้าไทยแล้ว 15 ล้านคน มาเลย์เบียดจีนขึ้นอันดับ 1 นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 มิ.ย. 68 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสะสมแล้ว 15,016,878 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 699,295 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 2,041,002 คน จีน 2,029,481 คน อินเดีย 1,035,864 คน รัสเซีย 981,011 คน และเกาหลีใต้ 702,267 คน "นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาสะสมเป็นอันดับที่ 1 หรือจำนวนกว่า 2 ล้านคน อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เดินทางเข้ามาแตะระดับแล้วกว่า 1 ล้านคน" นายสรวงศ์ ระบุ สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-8 มิ.ย.68) นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการมีวันหยุดต่อเนื่องในหลายประเทศของภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) ชะลอตัวด้านการเดินทาง จากการสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้ ส่งผลให้ภาพรวมในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 565,778 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 9,358 คน หรือ 1.63% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย เฉลี่ยวันละ 80,826 คน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย 114,018 คน จีน 62,082 คน อินเดีย 50,667 คน เกาหลีใต้ 24,819 คน และสิงคโปร์ 24,722 คน (อินโฟเควสท์)
เลื่อน! ประชุมบอร์ดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ 11 มิ.ย.หลังหน่วยงานแย่งของบทะลุ 4 แสนลบ. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เดิมกำหนดไว้วันที่ 11 มิ.ย.68 มีความจำเป็นต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากต้องรอให้มีข้อสรุปชัดเจนจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทก่อน โดยหลักการใช้จ่ายเม็ดเงินในส่วนนี้จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่าแต่ละโครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ เสนอเข้ามาอยู่ในเกณฑ์ที่ควรจะเป็นหรือไม่ หรือจะต้องกลับไปทบทวนใหม่ หลังจากได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้วจึงค่อยเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไป ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยอมรับว่า ขณะนี้มีคำขอใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท เข้ามาแล้วเป็นหลักหมื่นโครงการ คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาท มีทั้งคำขอในส่วนของโครงการลงทุนเกี่ยวกับถนน น้ำ ท้องถิ่น และอื่น ๆ ซึ่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จะต้องมาตีกรอบเพื่อให้การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกัน สำหรับโครงการลงทุนที่ใช้งบประมาณต่ำกว่า 5 แสนบาท จะตัดทิ้งทันที เพราะโครงการขนาดนี้จะใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบพิเศษ ไม่ได้เป็นการ e-bidding  นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการในที่ประชุม ครม. คือ งบประมาณปี 2569, งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท และงบกลางที่หลายส่วนงานมีคำขอเข้ามามาก โดยกำชับให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม ไม่มีการเอื้อประโยชน์ และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ต้องสกรีนทุกโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้มากที่สุด (อินโฟเควสท์)
"พิชัย" ยันงบดิจิทัลวอลเล็ตไม่ขัด กม.หลัง ป.ป.ช.รับคำร้องกล่าวหานายกฯ จัดทำงบปี 68 ฝ่าฝืน รธน. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับคำร้องกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพวกนับร้อยคน จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง โดยหนึ่งในนั้นระบุถึงการนำงบประมาณไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วยว่า ยังไม่เห็นเรื่องนี้ เพียงแต่ได้รับทราบข่าวจากข้างนอก แต่จากที่ได้ฟังความเห็นส่วนใหญ่แล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งบประมาณ ส่วนคำร้องต่อ ป.ป.ช.อ้างว่า ครม.ไปตัดงบในส่วนของรายการเงินต้นและดอกเบี้ย และรายจ่ายที่ควรใช้ เพื่อนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายพิชัย ยืนยันว่า "ไม่ได้ตัด ยังเหมือนเดิม ถ้าเป็นเงินตรงนั้น ไม่ได้ตัดแน่นอน" ส่วนที่บอกว่าเป็นการไปปรับลดงบประมาณที่ต้องชดเชยเพื่อใช้หนี้ธนาคารของรัฐนั้น นายพิชัย กล่าวว่า ในส่วนนั้นไม่ใช่เงินต้น ไม่ใช่ดอกเบี้ยตามคำนิยาม ขณะที่รายงานข่าว ระบุว่า คำร้องที่มีต่อ ป.ป.ช.ระบุว่าน.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และพวก จัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง รวม 2 สำนวน (อินโฟเควสท์)
ครม.อนุมัติงบกลางปี 68 กว่า 1.3 พันลบ. ฟื้นฟูเกษตรกรจากผลกระทบน้ำท่วมปี 67 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,309.76 ล้านบาท เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 วงเงิน 848.66 ล้านบาท และ 2. โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ปี 2567 วงเงิน 461.10 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ นายอนุกูล กล่าวว่า ครม. มีมติ (5 พ.ย. 67) อนุมัติงบประมาณปี 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 (ช่วงภัยวันที่ 14 ก.ค.-1 ต.ค. 67) จำนวน 8 โครงการ วงเงิน 2,553.01 ล้านบาท เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย (กรมการค้าข้าว) จำนวน 1,571.35 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง การเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อพลาสติก และในกระชังบก (กรมประมง) จำนวน 23.92 ล้านบาท โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.-31 ต.ค. 67 แต่งบประมาณในการดำเนินการที่ผ่านมา ไม่เพียงพอกับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงไม่ครอบคลุมกลุ่มเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2567 ช่วงภัยวันที่ 20 พ.ย.-31 ธ.ค. 67 (อินโฟเควสท์)
ไทย-เกาหลีใต้เตรียมเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจรอบที่ 6 วันนี้ รับมือการค้าโลกไม่แน่นอน กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้และไทยจะเริ่มเปิดฉากการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (EPA) ระหว่างสองประเทศรอบที่หกในวันนี้ (10 มิ.ย.) โดยมีกำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วันที่กรุงโซล การเจรจาความตกลง EPA มีขึ้นในขณะที่ไทยและเกาหลีใต้ต่างก็ต้องการขยายความสัมพันธ์ร่วมกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยทั้งสองฝ่ายวางแผนที่จะมุ่งเน้นความคืบหน้าใน 10 ภาคส่วน ซึ่งรวมถึงสินค้า การบริการ การลงทุน และเศรษฐกิจดิจิทัล โรห์ คอน-กี รัฐมนตรีช่วยว่าการฝ่ายกิจการเจรจาการค้าของกระทรวงฯ กล่าวว่า "เราจะทำงานเพื่อให้บรรลุความตกลง EPA กับไทยอย่างรวดเร็ว เพื่อขยายความร่วมมือในประเด็นทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย และกระจายจุดหมายปลายทางการค้าของเรา ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดการค้าโลกที่เกิดจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ" ที่ผ่านมานั้น เกาหลีใต้ได้พยายามทำความตกลง EPA กับไทยเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี และสร้างเครือข่ายการค้าที่เอื้อประโยชน์และมีความก้าวหน้าร่วมกันมากขึ้นกับไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) (อินโฟเควสท์)
"อนุทิน" วอนหยุดถาม! ยังไม่มีสัญญาณปรับครม. ปัดจับมือ รทสช.กดดันเพื่อไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปฏิเสธถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีขึ้นในขณะนี้ โดยระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับขอให้สื่อเลิกถามเรื่องการปรับ ครม.ตอนนี้ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อน นายกรัฐมนตรีเคยบอกแล้วว่าหากจะมีการปรับ ครม.จริง จะต้องเรียกหัวหน้าแต่ละพรรคไปหารือกันก่อน "นายกฯ บอกแล้วว่า หากจะมีการปรับ ครม. จะเรียกหัวหน้าพรรคไปหารือ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการเรียก แปลว่า ยังไม่ปรับ" นายอนุทินกล่าว และไม่ได้ตอบคำถามที่ว่า มองอย่างไรกับกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทย อยากได้กระทรวงมหาดไทยกลับไปดูแลเอง ส่วนที่มีการมองกันว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พยายามจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อกดดันพรรคเพื่อไทยนั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มี จะไปกดดันได้อย่างไร อยู่ด้วยกันไม่ต้องกดดันกัน แค่สร้างความเข้าใจกัน ความผูกพันกันก็พอแล้ว ไม่มีเรื่องการสร้างอำนาจต่อรอง เพราะเมื่อพูดว่าเป็นการต่อรอง ก็จะวุ่นวาย ดังนั้นทุกอย่างต้องเป็นการหารือกัน โดยใช้เหตุและผล พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีมีการนัดรับประทานอาหารกันในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน ย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้คิดเรื่องการปรับครม. โดยขณะนี้ตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี และไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องกังวล (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 3.92 จุดรับ Sentiment เชิงบวกเจรจาการค้าสหรัฐคืบหน้า-ดอลลาร์อ่อนค่า SET ปิดวันนี้ที่ 1,139.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด (+0.35%) มูลค่าซื้อขาย 29,300.62 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้บวกรับปัจจัยหนุนสหรัฐตอบรับเจรจาไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก และการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนคืบหน้าด้วยดี อีกทั้งดอลลาร์อ่อนค่า และธนาคารกลางหลายแห่งในเอเชียมีทิศทางลดดอกเบี้ยเป็น Sentiment เชิงบวกด้วย แนวโน้มวันพรุ่งนี้ติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้าชาติต่างๆ ให้แนวต้าน 1,150-1,160 จุด แนวรับ 1,130 จุด (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.65 ทรงตัว รอปัจจัยชี้นำใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.55 - 32.85 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.65 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับช่วงเปิดตลาดเมื่อเช้า โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.62-32.75 บาท/ดอลลาร์ ปรับเปลี่ยนไปตามราคาทองในตลาดโลก เนื่องจากตลาดรอปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา และความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายพันธบัตร 2.8 พันล้านบาท "วันนี้ บาทเคลื่อนไหวไปตามราคาทองในตลาดโลก ตลาดทรงตัวและแกว่งในกรอบ รอปัจจัยชี้นำใหม่เข้ามา คืนนี้ยังไม่มีการประกาศตัวเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ " นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.55 - 32.85 บาท/ดอลลาร์ (อินโฟเควสท์)  
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 152,489 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 152,489 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 42,111 ล้านบาท 2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 1,709 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2,828 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% (อินโฟเควสท์)  
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ญี่ปุ่น
  • ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. สหรัฐฯ
  • สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) สหรัฐฯ

แชร์เรื่องนี้

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

News Demo
09
กันยายน
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ
News Demo
08
กันยายน
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ
News Demo
05
กันยายน
2568
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
อ่านต่อ

Shortcut Menu

  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับ KTAM
  • กองทุนรวม
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนส่วนบุคคล
  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์/
    โครงสร้างพื้นฐาน
  • กองทุน RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • กองทุน FIF/ETF
  • กองทุนผลงานดี
  • ตารางจ่ายเงินปันผล
  • ข่าว/บทวิเคราะห์
  • กลยุทธ์การลงทุน
  • กำหนดการและแบบฟอร์ม
  • โปรโมชั่น
  • ปฏิทินกองทุน
  • ภาพกิจกรรม
  • ประกาศราคากลาง
  • AIMC Category
    Performance Report
  • ถาม-ตอบ
  • ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
  • ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้
  • การตั้งค่าคุกกี้
  • สมัครรับข่าวสาร
  • ติดต่อเรา
  • ร่วมงานกับเรา
  • ประกาศความเป็นส่วนตัว
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

KTAM Smart Plan: 0-2686-6100 กด 9 โทรสาร 0-2670-0430 ต่างจังหวัดโทรฟรี 1-800-295-592

อีเมล: callcenter@ktam.co.th

เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 0-1075-45000-37-3 : สำนักงานใหญ่

  • พันธมิตรธุรกิจ
  • เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
  • แผนผังเว็บไซต์

การใช้และการจัดการคุกกี้

เว็บไซต์ของบริษัทฯ มีการใช้งานคุกกี้ (cookies) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถตั้งค่าและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับ การใช้คุกกี้ของบริษัทฯ ได้ที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้ และ การตั้งค่าคุกกี้

 การใช้และการจัดการคุกกี้

เมื่อท่านเข้าใช้เว็บไซต์ของเรา เราใช้คุกกี้ที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของเราจะ ทำงานได้อย่างถูกต้อง และเรายังใช้คุกกี้ประเภทอื่นๆ เพื่อรวบรวมพฤติกรรมการใช้ งานเว็บไซต์ของเราและนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์ การใช้งานเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถเลือกตั้งค่าการใช้งานคุกกี้ บางประเภทได้ตลอดเวลา และบริษัทจะไม่ใช้คุกกี้ที่ท่านเลือกปิดการใช้งาน

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราที่ ประกาศความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้งานคุกกี้


การกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้ที่จำเป็น

คุกกี้เหล่านี้ที่จำเป็นในการเปิดใช้คุณลักษณะการทำงานพื้นฐานของเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการเครือข่าย และการเข้าสู่ระบบ

คุกกี้วิเคราะห์

เราใช้คุกกี้ Google Analytics เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวบรวมและรายงานข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ คุกกี้ดังกล่าวจะเก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลโดยตรง