• X
  • Search
  • TH EN
  • Menu Guide
    • NAV
    • Fund Search
    • Highlighted Funds
    • Top Performance Fund
    • Dividend
    • Fund Holidays
    • News/Research
    • Asset Allocation Strategy
    • Documents and Forms
    • Promotions
    • Fund Information
    • Compare Funds
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
  • HOME
  • ABOUT KTAM
  • MUTUAL FUNDS
  • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • FIF / ETF
  • PROVIDENT FUNDS
  • PRIVATE FUNDS
  • INFRASTRUCTURE / REIT / PROPERTY FUNDS
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • Menu Guide
    • NAV
    • Fund Search
    • Highlighted Funds
    • Top Performance Fund
    • Dividend
    • Fund Holidays
    • News/Research
    • Asset Allocation Strategy
    • Documents and Forms
    • Promotions
    • Fund Information
    • Compare Funds
    • KTAM Daily News
    • KTAM Edutainment
  • KTAM Smart Trade
  • PVD Online
  • Agent
TH : EN
  • HOME
  • ABOUT KTAM
  • MUTUAL FUNDS
  • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • FIF / ETF
  • PROVIDENT FUNDS
  • PRIVATE FUNDS
  • INFRASTRUCTURE / REIT / PROPERTY FUNDS
  1. Home
  2. KTAM Daily News
  3. สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน

สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน


สหรัฐฯ
ม.มิชิแกนเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย. ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 15.9% สู่ระดับ 60.5 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.0 ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการทำสงครามการค้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้าออกไปเป็นเวลา 90 วัน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 5.1% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 6.6% นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.1% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.2% (อินโฟเควสท์)
"ทรัมป์" อาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์อีก หวังดึงนักลงทุนตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ว่า เขาอาจปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์อีกในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อพยายามดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ภาคการผลิตของสหรัฐฯ มากขึ้น ทรัมป์กล่าว ณ ทำเนียบขาวว่า "ผมอาจปรับขึ้นภาษีศุลกากรอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้พวกเขามาตั้งโรงงานที่นี่มากขึ้น" ทรัมป์ย้ำว่า การผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังพุ่งสูงขึ้นจากอานิสงส์ของการเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นในอัตรา 25% ที่รัฐบาลของเขาเรียกเก็บในช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทรัมป์จะเอาจริงเอาจังมากเพียงใดกับแผนดังกล่าว เนื่องจากเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันระหว่างพิธีลงนามยับยั้งกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้องการยุติการขายรถยนต์ใหม่ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในปี 2578 สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งจากต่างประเทศและในอเมริกาเองต่างได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าที่สูงของทรัมป์ ทั้งนี้ การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 25% กับรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนเม.ย. ทำให้ภาษีนำเข้ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 27.5% ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ รวมถึงบริษัทรถยนต์อเมริกันเองด้วย ถ้อยแถลงล่าสุดของทรัมป์มีขึ้นหนึ่งวันก่อนที่หัวหน้าคณะผู้เจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่นจะเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งญี่ปุ่นเรียกการหารือนี้ว่าเป็น "การเจรจาเข้มข้น" ก่อนการประชุมสุดยอดที่มีการวางแผนไว้ระหว่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ (อินโฟเควสท์)
ทรัมป์สั่งหยุดกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายในฟาร์ม-โรงแรม-ร้านอาหาร รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหยุดจับกุมแรงงานผิดกฎหมายที่ทำงานในฟาร์ม โรงแรม และร้านอาหาร ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายปราบปรามผู้อพยพอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้ สำนักข่าวซีบีเอสนิวส์รายงานในวันเสาร์ (14 มิ.ย.) โดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า อุตสาหกรรมเหล่านี้พึ่งพาแรงงานผู้อพยพเป็นส่วนใหญ่ และแรงงานจำนวนมากอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย โดยทรัมป์เข้าแทรกแซงเรื่องนี้หลังจากตระหนักว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดของเขาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการเกษตรและการบริการ หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า เททัม คิง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) ได้สั่งให้หยุดกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายผ่านทางอีเมลภายในองค์กร โดยระบุว่า "กรุณาระงับการสอบสวน/การบังคับใช้กฎหมายในสถานที่ทำงานทั้งหมดในภาคเกษตรกรรม (รวมถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์) ร้านอาหาร และโรงแรม มีผลตั้งแต่วันนี้" สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ ICE ได้เพิ่มความเข้มข้นในการบุกค้นสถานที่ทำงานทั่วประเทศ เพื่อจับกุมและส่งตัวผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารกลับประเทศ ซึ่งการปราบปรามผู้อพยพได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงในหลายเมืองของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครลอสแอนเจลิส รายงานระบุว่า แม้ว่า ICE หยุดกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมข้างต้น แต่การบังคับใช้กฎหมายยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้นในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการผลิต (อินโฟเควสท์)
กองทัพบกสหรัฐฯ สวนสนามครั้งใหญ่ ขณะชาวมะกันชุมนุมต้านทรัมป์ทั่วประเทศ กองทัพบกสหรัฐฯ จัดพิธีสวนสนามใจกลางกรุงวอชิงตันในวันเสาร์ (14 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ตรวจพลสวนสนาม พิธีนี้จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 250 ปีของกองทัพบกสหรัฐฯ และตรงกับวันเกิดปีที่ 79 ของปธน.ทรัมป์พอดี ทหารราว 6,700 นาย พร้อมยานยนต์หุ้มเกราะราว 200 คัน รวมถึงรถถังและเครื่องบิน ได้เข้าร่วมขบวนพาเหรดที่จัดขึ้นบริเวณเนชั่นแนลมอลล์ โดยคาดว่าการจัดพิธีครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณสูงถึง 45 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า วันเกิดของเขา "บังเอิญ" ตรงกับวันจัดพิธีสวนสนามพอดี การจัดพิธีสวนสนามเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในนครลอสแอนเจลิส โดยผู้คนจำนวนมากได้ออกมาประท้วงต่อต้านนโยบายปราบปรามผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์ ขณะที่สื่อรายงานว่า ในวันเสาร์ ประชาชนได้ออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายของทรัมป์ตามสถานที่ต่าง ๆ ราว 2,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่สองเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์สั่งให้ส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของรัฐแคลิฟอร์เนียไปประจำการโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ว่าการรัฐ รวมทั้งส่งนาวิกโยธินอีก 700 นายไปยังนครลอสแอนเจลิส แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลกลาง ซึ่งต่อมา ชาร์ลส์ เบรเยอร์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ซึ่งประจำอยู่ในนครซานฟรานซิสโก มีคำสั่งชั่วคราวเมื่อวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ห้ามรัฐบาลทรัมป์ส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าควบคุมสถานการณ์ในนครลอสแอนเจลิส โดยระบุว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ พร้อมสั่งให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิกลับไปอยู่ภายใต้การควบคุมของนิวซัม โดยคำสั่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หลังมีคำสั่งดังกล่าว คณะบริหารของทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ทันที (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 769.83 จุด หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้อิสราเอล ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หลังจากอิหร่านยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างรุนแรงของอิสราเอลที่มุ่งสกัดศักยภาพของอิหร่านในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,197.79 จุด ลดลง 769.83 จุด หรือ -1.79%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,976.97 จุด ลดลง 68.29 จุด หรือ -1.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,406.83 จุด ลดลง 255.66 จุด หรือ -1.30% ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1.3%, ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.4% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.6% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดพุ่งกว่า 7% หลังสงครามอิสราเอล-อิหร่านปะทุ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 7% ในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หลังจากอิสราเอลและอิหร่านโจมตีทางอากาศโต้ตอบกัน ซึ่งจุดชนวนความกังวลของนักลงทุนว่า ความขัดแย้งอาจกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลางในวงกว้าง ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 4.94 ดอลลาร์ หรือ 7.26% ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 4.87 ดอลลาร์ หรือ 7.02% ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์/บาร์เรล (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า สงครามตะวันออกกลางปะทุหนุนแรงซื้อ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรง ภายหลังอิสราเอลโจมตีอิหร่าน ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.27% แตะที่ระดับ 98.184 (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $50.40 อิสราเอลรบอิหร่านหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 50 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่อิหร่าน ซึ่งจุดกระแสความกังวลว่าความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจลุกลาม ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 50.40 ดอลลาร์ หรือ 1.48% ปิดที่ 3,452.80 ดอลลาร์/ออนซ์ (อินโฟเควสท์)
บอนด์ยีลด์ดีดตัว รับข่าวอิสราเอลโจมตีอิหร่าน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่ออิหร่าน ณ เวลา 18.59 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.359% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.845% (อินโฟเควสท์)
ยุโรป
ยอดขายรถ EV ทั่วโลกพุ่ง 24% เดือนพ.ค. อานิสงส์ดีมานด์ในจีนโตแกร่ง โร โมชัน (Rho Motion) บริษัทวิจัยตลาดจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 24% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 1.6 ล้านคัน โดยยอดขายที่แข็งแกร่งในจีนช่วยชดเชยการเติบโตที่ชะลอตัวลงในอเมริกาเหนือ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 24% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.02 ล้านคันในเดือนพ.ค. ทำสถิติทะลุ 1 ล้านคันเป็นเดือนแรกในปีนี้ ด้วยดีมานด์ที่แข็งแกร่งภายในประเทศ รวมถึงความพยายามส่งออกของค่ายรถจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไปยังตลาดเกิดใหม่ ด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปเพิ่มขึ้น 36.2% สู่ระดับ 330,000 คัน ขณะที่ในอเมริกาเหนือขยับขึ้น 7.5% แตะ 160,000 คัน ส่วนยอดขายในภูมิภาคที่เหลือทั่วโลกเพิ่มขึ้น 38% แตะระดับ 150,000 คัน (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกอิสราเอล-อิหร่านปะทะเดือด ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) หลังการโจมตีครั้งใหญ่ของอิสราเอลต่ออิหร่านทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างกว้างขวาง และหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางบรรยากาศการค้าโลกที่ไม่แน่นอนซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดอยู่แล้ว ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 544.94 จุด ลดลง 4.90 จุด หรือ -0.89%  ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,684.68 จุด ลดลง 80.43 จุด หรือ -1.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,516.23 จุด ลดลง 255.22 จุด หรือ -1.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,850.63 จุด ลดลง 34.29 จุด หรือ -0.39% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 34.29 จุด วิตกความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) โดยถูกกดดันจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นช่วยจำกัดการร่วงของดัชนี ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,850.63 จุด ลดลง 34.29 จุด หรือ -0.39% (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่น
ทรัมป์-อิชิบะ ยกหูหารือสถานการณ์ตอ.กลาง-ภาษี ก่อนพบปะที่แคนาดาสัปดาห์หน้า ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ และตรงกับช่วงเช้าวันศุกร์ในตะวันออกกลางและเอเชีย ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อรับมือกับความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ได้แสดงจุดยืนของญี่ปุ่นต่อประเด็นภาษี โดยย้ำว่า ท่าทีของญี่ปุ่นนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการหารือกับสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา และยังเห็นพ้องกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ควรเร่งเจรจาระหว่างรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันข้อตกลงที่เกิดประโยชน์ร่วมกัน การเจรจาทางโทรศัพท์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังมีความเห็นต่างเกี่ยวกับมาตรการภาษี โดยเฉพาะการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้การขู่เก็บภาษีเป็นกลยุทธ์ทางการค้า โดยญี่ปุ่นมองว่า ไม่ควรมีการทำข้อตกลงแบบบางส่วน และเรียกร้องให้มีการทบทวนมาตรการอย่างครอบคลุม ญี่ปุ่นยังประณามการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านโดยมองว่าเป็นการยกระดับสถานการณ์ให้ตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ กลับระบุว่าเป็นการกระทำแต่เพียงฝ่ายเดียว และยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์นี้ ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวก็ได้ออกมายืนยันว่าการหารือระหว่างทรัมป์กับอิชิบะเกิดขึ้นจริงเมื่อวันศุกร์ และระบุว่า ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องในความสำคัญของการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง ทั้งนี้ สองผู้นำมีกำหนดจะพบกันนอกรอบการประชุมกลุ่มประเทศ G7 ที่แคนาดาในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ประเด็นภาษีและตะวันออกกลางจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือเพิ่มเติม (อินโฟเควสท์)
ญี่ปุ่นลุยเจรจารอบ 6 หวังสหรัฐฯ ยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ เรียวเซ อากาซาวะ หัวหน้าคณะเจรจาด้านภาษีศุลกากรของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (13 มิ.ย.) ว่า ญี่ปุ่นคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากชาติอื่น ๆ หากสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้แล้ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มเติม อากาซาวะกล่าวที่สนามบินฮาเนดะ ก่อนออกเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรในระดับรัฐมนตรีเป็นรอบที่ 6 ว่า "เมื่อการเจรจาทวิภาคีได้ข้อสรุปแล้ว ผมคิดว่าญี่ปุ่นจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากกฎระเบียบที่สหรัฐฯ บังคับใช้กับชาติอื่น ๆ" ทรัมป์กล่าวในวันพฤหัสบดี (12 มิ.ย.) ว่า เขาอาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคการผลิตของสหรัฐฯ ให้มากขึ้น นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่า การผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯ กำลังพุ่งสูงขึ้นจากอานิสงส์ของการเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มขึ้นในอัตรา 25% ที่รัฐบาลของเขาเรียกเก็บในช่วงต้นปีนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นกำลังหลักของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบมากขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อากาซาวะจะเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันเป็นครั้งที่ 4 ในรอบหลายสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความคืบหน้าในการเจรจา ก่อนการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ กับทรัมป์ นอกรอบการประชุมกลุ่ม G7 ที่แคนาดาในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของการหารือจะมุ่งเน้นไปที่การที่ญี่ปุ่นจะสามารถขอยกเว้นหรือลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ ได้หรือไม่ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้เรียกร้องให้ยกเลิกภาษีเพิ่มเติมในภาคส่วนอื่น ๆ ตลอดจนภาษีตอบโต้ ในขณะที่ทรัมป์กำลังพยายามลดยอดขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิปิดลบ 338.84 จุด นลท.ขายหุ้นหนีความเสี่ยงหลังอิสราเอลถล่มอิหร่าน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง หลังกองทัพอิสราเอลโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์และทางทหารของอิหร่าน สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 37,834.25 จุด ลดลง 338.84 จุด หรือ -0.89% (อินโฟเควสท์)
จีน
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลบ 25.66 จุด วิตกข่าวอิสราเอลโจมตีอิหร่าน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ (13 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน โดยการโจมตีดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่การเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (15 มิ.ย.) ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,377.00 จุด ลดลง 25.66 จุด หรือ -0.75% (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งปิดลบ 142.82 จุด วิตกตะวันออกกลางตึงเครียด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลบในวันนี้ (13 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน แม้ว่าสหรัฐฯ และอิหร่านกำลังจะจัดการเจรจานิวเคลียร์รอบที่ 6 ที่ประเทศโอมานในวันอาทิตย์นี้ (15 มิ.ย.) ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 23,892.56 จุด ลดลง 142.82 จุด หรือ -0.59% (อินโฟเควสท์)
เอเชีย และอื่นๆ
เกาหลีใต้ชี้เศรษฐกิจยังเจอแรงกดดันขาลง เหตุสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า ฉุดส่งออกชะลอตัว กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (13 มิ.ย.) ว่า เศรษฐกิจเกาหลียังคงเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลง เนื่องจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศที่เป็นไปอย่างล่าช้า กระทรวงฯ ระบุในรายงานรายเดือน "กรีนบุ๊ก" (Green Book) ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังเผชิญแรงกดดันขาลง โดยเฉพาะการส่งออกชะลอตัว อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ภายนอกที่เลวร้ายลงเนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่ภาคการบริโภคและการลงทุนด้านการก่อสร้างยังไม่ฟื้นตัวตามคาด และยังคงมีปัญหาการจ้างงานโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังกังวลว่า ความไม่แน่นอนจากภายนอก โดยเฉพาะความตึงเครียดด้านการค้าจากนโยบายภาษี อาจยิ่งเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดการเงินโลก และส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป ทั้งนี้ ยอดส่งออกของเกาหลีใต้หดตัวลง 1.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดส่งออกเฉลี่ยรายวันเพิ่มขึ้น 1.0% ยอดค้าปลีก ซึ่งสะท้อนการบริโภคภาคเอกชน ลดลง 0.9% ในเดือนเม.ย. ส่วนการลงทุนด้านการก่อสร้างลดลง 0.7% ในเดือนเดียวกัน การจ้างงานเพิ่มขึ้น 245,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.2% เหลือ 2.8% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวหลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. (อินโฟเควสท์)
เวียดนามสั่งขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ 90% หวังลดการดื่ม-ใส่ใจสุขภาพประชาชน รัฐสภาเวียดนามมีมติเห็นชอบในวันนี้ (14 มิ.ย.) ให้เพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากอัตราปัจจุบันที่ 65% เป็น 90% ภายในปี 2574 ซึ่งเป็นมาตรการที่อาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่ออุตสาหกรรม แม้ว่าจะไม่สูงถึงระดับ 100% ตามที่เสนอไว้ในเบื้องต้นเมื่อปีที่ผ่านมา ภายใต้กฎหมายใหม่ เบียร์และสุราที่มีแอลกอฮอล์สูงจะถูกปรับอัตราภาษีขึ้นเป็น 70% ภายในปี 2570 ซึ่งล่าช้ากว่าข้อเสนอเดิมหนึ่งปี จากนั้นจะขยับขึ้นเป็น 90% ภายในปี 2574 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบต่อการจัดเก็บภาษีใหม่ 8% สำหรับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกิน 5 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2570 และจะเพิ่มเป็น 10% ในปี 2571 ข้อมูลจากรายงานของเคพีเอ็มจี (KPMG) ที่เผยแพร่ในปี 2567 ระบุว่า เวียดนามเป็นตลาดเบียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้การขึ้นภาษีในครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม กระทรวงการคลังเวียดนามให้เหตุผลว่า การเพิ่มภาษีเป็นแนวทางในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน สมาคมเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเวียดนามเปิดเผยว่า รายได้ของอุตสาหกรรมนี้ลดลงติดต่อกันมาแล้ว 3 ปี ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ความกังวลของอุตสาหกรรมยังสะท้อนผ่านกรณีของไฮเนเก้น (Heineken) ที่ตัดสินใจระงับการดำเนินงานของโรงเบียร์แห่งหนึ่งในเวียดนามเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีแผนเสนอขึ้นภาษีดังกล่าว (อินโฟเควสท์)
กัมพูชายื่นฟ้องศาลโลกแล้ว ปมพิพาทชายแดนไทย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยในวันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า กัมพูชาได้ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักขององค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อขอให้ศาลหาทางออกเกี่ยวกับข้อพิพาทบริเวณชายแดน 4 จุดกับประเทศไทย สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮุน มาเนต กล่าวว่า กัมพูชาต้องการความชัดเจนในการกำหนดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่ต้องประสบปัญหากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฮุน มาเนต มีถ้อยแถลงดังกล่าวในขณะที่การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) กำลังจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ (อินโฟเควสท์)
อิหร่าน-สหรัฐฯ ยกเลิกเจรจานิวเคลียร์วันนี้ หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตี ซัยยิด บาดร์ บิน ฮามัด บิน ฮามูด อัลบูไซดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโอมาน เปิดเผยในวันสาร์ (14 มิ.ย.) ว่า การเจรจานิวเคลียร์ทางอ้อมรอบที่ 6 ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (15 มิ.ย.) ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน "จะไม่เกิดขึ้น" อย่างไรก็ดี รมว.ต่างประเทศโอมานโพสต์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า การทูตและการเจรจายังคงเป็นหนทางเดียวที่จะบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีฐานทัพและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ก่อให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคจะทวีความรุนแรงขึ้น ในเช้าวันศุกร์ (13 มิ.ย.) อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน และเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ การผลิตขีปนาวุธ และศักยภาพทางทหารของอิหร่าน ต่อมาในคืนวันศุกร์ อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธชุดใหญ่โจมตีเป้าหมายทางทหารในอิสราเอลเพื่อเป็นการตอบโต้ ในวันเสาร์ ซัยยิด อับบาส อารักชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ได้หารือทางโทรศัพท์กับคายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) โดยได้เน้นย้ำว่า การเจรจาทางอ้อมระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ท่ามกลาง "ความโหดร้ายอย่างต่อเนื่อง" ของอิสราเอลนั้น เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล ขณะเดียวกัน เอสมาอีล บากาอี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า "ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จุดสนใจหลักของเราอยู่ที่การเผชิญหน้ากับการรุกรานของศัตรู" ทั้งนี้ โอมานเป็นคนกลางในการเจรจานิวเคลียร์ทางอ้อมระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ มาแล้ว 5 รอบนับตั้งแต่เดือนเม.ย. เพื่อหารือเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยในการเจรจาที่ผ่านมานั้น 3 รอบจัดขึ้นที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน และอีก 2 รอบจัดขึ้นที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี (อินโฟเควสท์)
IEA จับตาสงครามอิสราเอล-อิหร่าน พร้อมระบายน้ำมันสำรอง หากจำเป็น สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานทั่วโลก เปิดเผยว่า IEA กำลังจับตาสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดย IEA พร้อมระบายน้ำมันสำรองเข้าสู่ตลาด หากมีความจำเป็น "IEA กำลังติดตามผลกระทบต่อตลาดน้ำมันจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันตลาดยังคงมีปริมาณน้ำมันอย่างเพียงพอ แต่เราก็พร้อมที่จะดำเนินการหากจำเป็น" นายฟาติห์ บิโรล ผู้อำนวยการ IEA กล่าว ทั้งนี้ IEA มีปริมาณน้ำมันสำรองฉุกเฉินอยู่ราว 1.2 พันล้านบาร์เรล ขณะที่อิหร่านมีกำลังการผลิตน้ำมัน 3.305 ล้านบาร์เรล/วัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เรียกร้องให้อิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ "ก่อนที่จะไม่มีอะไรเหลือ" ปธน.ทรัมป์เตือนอิหร่านดังกล่าว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากอิสราเอลทำการโจมตีอิหร่าน อิสราเอลระบุว่าการโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายที่โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่สหรัฐยืนยันว่า ได้รับแจ้งจากอิสราเอลเกี่ยวกับการโจมตีในครั้งนี้ แต่สหรัฐไม่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดังกล่าวแต่อย่างใด (อินโฟเควสท์)
"ทรัมป์-ปูติน" ลั่น สงครามอิสราเอล-อิหร่านต้องยุติได้แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันเสาร์ (14 มิ.ย.) เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยทั้งคู่เห็นพ้องกันว่า "สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านต้องยุติได้แล้ว" ทรัมป์โพสต์เกี่ยวกับปูตินผ่านทางทรูธโซเชียลว่า "เขารู้สึกเช่นเดียวกันกับผมว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านต้องยุติได้แล้ว" และเสริมว่า ปูตินรู้จักอิหร่าน "เป็นอย่างดี" ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ประมาณ 1 ชั่วโมง ทรัมป์ได้กล่าวกับปูตินว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็ควรยุติลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องรัสเซียกับยูเครนมากนัก แต่จะมีการคุยกันเรื่องนี้ต่อในสัปดาห์หน้า  สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์เปิดเผยว่า ปูตินได้อวยพรวันเกิดเขาระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ด้วย โดยวันที่ 14 มิ.ย. เป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่ 79 ของทรัมป์ ทั้งนี้ อิสราเอลและอิหร่านยังคงโจมตีกันไปมาอย่างหนักหน่วงเป็นวันที่สามในวันนี้ (15 มิ.ย.) โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะมีการหยุดยิง ส่งผลให้มีความกังวลมากขึ้นว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของโลก (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดหุ้นอินเดีย: ดัชนี Sensex ร่วงกว่า 500 จุด กังวลสถานการณ์ตอ.กลาง ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียดิ่งลงกว่า 500 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่ออิหร่าน ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 81,118.60 ลบ 573.38 จุด หรือ 0.70% (อินโฟเควสท์)
ไทย
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 5.92 จุด รับความตึงเครียดตอ.กลางกดดันหุ้นโลก-ปัจจัยลบ AOT ฉุด เก็งสัปดาห์หน้ายังผันผวน SET ปิดวันนี้ที่ 1,122.70 จุด ลดลง 5.92 จุด (-0.52%) มูลค่าซื้อขาย 42,301.91 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ตอบรับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน ประกอบกับแรงกดดันจาก AOT ที่มีประเด็นเฉพาะตัว แต่ยังได้หุ้นน้ำมันข่วงพยุง แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดยังผันผวน พร้อมให้แนวต้าน 1,130-1,140 จุด แนวรับ 1,100-1,110 จุด SET ปิดวันนี้ที่ 1,122.70 จุด ลดลง 5.92 จุด (-0.52%) มูลค่าซื้อขาย 42,301.91 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงและเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยทำจุดต่ำสุด 1,118.59 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,127.29 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 132 หลักทรัพย์ ลดลง 351 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง173 หลักทรัพย์ (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดตราสารหนี้: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 92,723 ล้านบาท สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 92,723 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 8,856 ล้านบาท  2. กลุ่มบริษัทประกัน ซื้อสุทธิ 1,586 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 275 ล้านบาท  Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน ภาพรวมของตลาดในวันนี้  Yield Curve ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้าเล็กน้อย สำหรับกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติวันนี้ NET OUTFLOW 275 ล้านบาท โดยเกิดจาก NET SELL 275 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ (Expired) ด้านปัจจัยต่างประเทศ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตทั่วไป (Headline PPI) ประจำเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. (YoY) สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.5% ในเดือนเม.ย. ขณะที่รายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ทรงตัวที่ระดับ 248,000 ราย สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 244,000 ราย สำหรับ Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ปรับลดลง 8,661 ล้านบาท จาก 924,965 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้าเป็น 916,304 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า (อินโฟเควสท์)
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.44 ระหว่างผันผวน ก่อนกลับมาอ่อนค่า คาดกรอบสัปดาห์หน้า 32.30-32.60 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.44 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 32.36 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคหลังดอลลาร์กลับมาปรับตัวแข็งค่า ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35 - 32.51 บาท/ดอลลาร์  "วันนี้บาทผันผวนตามสถานการณ์ข่าวในตะวันออกกลางที่เป็นแรงกดดันต่อราคาพลังงานมากกว่าราคาทอง" นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันจันทร์ไว้ที่ 32.30 - 32.60 บาท/ดอลลาร์ โดยช่วงวันหยุดต้องติดตามสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลประกาศที่จะปฏิบัติการต่อเนื่องเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์  (อินโฟเควสท์)
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ราคาบ้านเดือนพ.ค. จีน  
การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. จีน  
ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. จีน  
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ค. จีน  
อัตราว่างงานเดือนพ.ค. จีน  
 ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก สหรัฐฯ     
 

Share

  • Facebook
  • Twitter
  • Line

Recommend Post

News Demo
13
August
2025
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
Read more
News Demo
08
August
2025
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
Read more
News Demo
07
August
2025
สรุปภาวะเศรษฐกิจประจำวัน
Read more

Shortcut Menu

  • Home
  • About KTAM
  • Mutual Funds
  • Provident Funds
  • Private Funds
  • Property/REIT
  • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
  • FIF / ETF
  • Top Performance Fund
  • Dividend
  • News/Research
  • Asset Allocation Strategy
  • Documents and Forms
  • Promotions
  • Calendar
  • Activities
  • Procurement
  • AIMC Category
    Performance Report
  • FAQs
  • Investment Knowledge
  • Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies
  • Manage Cookie Preference
  • E-newsletter
  • Contact Us
  • Career
  • Privacy Notice
Go To Top
Stay Connect with us:
  • Facebook
  • Twitter
  • Youtube

Copyright © 2016 Krungthai Asset Management Public Company Limited

Tel: 0-2686-6100 FAX: 0-2670-0430 Toll Free Number:1-800-295-592

Email: callcenter@ktam.co.th

Tax ID 0-1075-45000-37-3 : Head Office

  • Affiliates
  • Related Links
  • Sitemap

USE AND MANAGEMENT OF COOKIES

Our website use cookie to enhance user experience. You may adjust your cookie preference and learn more about the cookie we use by visiting Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies and Manage Cookie Preference

 MANAGE COOKIE PREFERENCE

When you use our website, we use necessary cookies to ensure that our website will work properly. We also use other types of cookie to correct information about how you interact with our website and use the information to enhance the user experience. However, you can adjust your cookie preference at any time, and we will not use the cookies that you had disabled.

To learn more about the cookie we use, visit us at Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies


Manage Cookie Preference

Necessary cookies

Necessary cookies enable core functionalities such as security, network management, and accessibility.

Analytics cookies

Google Analytics helps us to improve our website by collecting and reporting your usage information on the website. These cookies collect information in a way that does not identify anyone directly.