• X
  • Search
  • TH EN
      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
      • Menu Guide
        • NAV
        • Fund Search
        • Highlighted Funds
        • Top Performance Fund
        • Dividend
        • Fund Holidays
        • News/Research
        • Asset Allocation Strategy
        • Documents and Forms
        • Promotions
        • Fund Information
        • Compare Funds
        • KTAM Daily News
        • KTAM Edutainment
      • KTAM Smart Trade
      • PVD Online
      • Agent
      TH : EN
      • HOME
      • ABOUT KTAM
      • MUTUAL FUNDS
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • PROVIDENT FUNDS
      • PRIVATE FUNDS
      • INFRASTRUCTURE / REIT / PROPERTY FUNDS
      1. Home
      2. KTAM Edutainment
      3. Dollar Smile Theory พฤติกรรมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจสุดขั้ว

      Dollar Smile Theory พฤติกรรมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจสุดขั้ว

      Dollar Smile Theory พฤติกรรมค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจสุดขั้ว
       

      เมื่อเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงรุนแรง ดอลลาร์สหรัฐฯ มักถูกแสวงหาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในเวลาเดียวกัน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างโดดเด่น ดอลลาร์ก็สามารถแข็งค่าจากแรงสนับสนุนของความเชื่อมั่นและผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้เช่นกัน พฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนว่าดอลลาร์ไม่ใช่เพียงสกุลเงินหลักของโลก แต่เป็นตัวจับทิศทางวัฏจักรเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ
       
      การวิเคราะห์ดอลลาร์อย่างเข้าใจถึงที่มาและเงื่อนไข จึงช่วยให้นักลงทุนสามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดได้ก่อนใคร และวางกลยุทธ์ได้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจที่หมุนเร็วอยู่ตลอดเวลา
       
       “Dollar Smile Theory “ หนึ่งแนวคิดที่ช่วยอธิบายพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐฯ
      Dollar Smile Theory ถูกเสนอโดย Stephen Jen นักกลยุทธ์ด้านค่าเงินของ Morgan Stanley ได้อธิบายว่าค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าเพียงเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะเฟื่องฟูเท่านั้น แต่ก็สามารถแข็งค่าในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยรุนแรงได้เช่นกัน และในทางตรงกันข้าม ดอลลาร์มักอ่อนค่าลงในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนที่ชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง
       
      ดังนั้น หากนำความสัมพันธ์ระหว่าง “สภาพเศรษฐกิจ” (เศรษฐกิจแย่ด้านซ้าย ดีด้านขวา) และ “ความแข็งแกร่งของดอลลาร์” มาพล็อตเป็นกราฟ ก็จะเห็นเส้นโค้งลักษณะตัว “U” แบบกว้าง คล้ายรอยยิ้ม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อของทฤษฎีนี้
       
      ถอดรหัสสามช่วงของรอยยิ้ม ประกอบบริบททางเศรษฐกิจ
      1. ช่วงปลายยิ้มด้านซ้าย: เมื่อความเสี่ยงเศรษฐกิจรุนแรง ช่วยกระตุ้นการแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย
      เมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินหรือปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Demand) ก็มักเพิ่มสูงขึ้น ดอลลาร์สหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จึงเป็นตัวเลือกแรกของโลกการเงิน เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและมีความเชื่อมั่นในเครดิตของสหรัฐฯ
      เหตุการณ์ปี 2008 เป็นตัวอย่างสำคัญที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของวิกฤติทางการเงินในสหรัฐฯ (วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์)
       
      2. ช่วงท้องกลางรอยยิ้ม: ภาวะฟื้นตัวที่ไร้ทิศทางทำให้ดอลลาร์ถูกลดบทบาท
      ในระยะที่เศรษฐกิจกำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ และอัตราดอกเบี้ยไม่สูงจนกดดันสภาพคล่อง นักลงทุนมักเปลี่ยนโฟกัสจากการถือเงินดอลลาร์ ไปยังสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้นหรือพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ (EM) ทองคำ หรือสินทรัพย์เสี่ยงที่เน้นศักยภาพเติบโต
       
      ในปี 2017 ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ตลาดจะมีมุมมองว่าสหรัฐฯ กำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ดัชนี dollar index (DXY) กลับลดลงเกือบ 10% สะท้อนว่าการฟื้นตัวพร้อมกันของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้สหรัฐฯ ไม่ได้ดูโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นเหมือนเดิม นักลงทุนจึงเริ่มกระจายเงินทุนไปยังสกุลเงินอื่น และสินทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น
       
      3. ช่วงปลายยิ้มด้านขวา: สหรัฐฯ เติบโตโดดเด่นกว่าส่วนอื่นของโลก
      เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวรวดเร็ว อัตราการจ้างงานแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อเร่งตัว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จำเป็นต้องใช้นโยบายเข้มงวด เพื่อควบคุมแรงกดดันด้านราคา ผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือควบคุมปริมาณเงินในเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นและเงินทุนไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ
      ดังเช่นในช่วงปี 2020–2022 สหรัฐฯ ฟื้นตัวหลัง COVID-19 ได้เร็วกว่าหลายภูมิภาค พร้อมธีมการเร่งตัวของเทคโนโลยี และดอกเบี้ยถูกปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าเร็วที่สุดในรอบหลายปี
       
      มิติด้านการลงทุน: การใช้ประโยชน์จาก Dollar Smile Theory
      แม้ Dollar Smile Theory จะไม่สามารถอธิบายทุกปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ได้ทั้งหมด แต่ก็เป็นกรอบวิเคราะห์หนึ่งที่ช่วยให้มองเห็นสัญญาณเชิงพฤติกรรมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น และนำไปสู่การวางกลยุทธ์ที่มีเหตุผลรองรับในแต่ละภาวะเศรษฐกิจ อาทิ
       
      ใช้ประเมินความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระบบการเงินโลก
      การแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงที่ไม่มีแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจจริง อาจเป็นสัญญาณสะท้อนความกังวลต่อเสถียรภาพของตลาด ทำให้นักลงทุนควรทบทวนสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงในพอร์ต
       
      - ใช้เป็นจังหวะมองหาผลตอบแทนจากสินทรัพย์อ้างอิง USD เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เด่นชัดกว่า
      ช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็ว Fed ใช้นโยบายการเงินตึงตัว การหาจังหวะเข้าสะสมสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นสกุลดอลลาร์ ก็อาจมีความได้เปรียบมากกว่า
       
      - เพิ่มโอกาสกระจายพอร์ตในช่วงดอลลาร์อ่อนค่า
      ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมักสะท้อนว่าสินทรัพย์ในตลาดต่างประเทศมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนโลก จึงสามารถใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเพิ่มน้ำหนักในประเทศหรือภูมิภาคที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งกว่า รวมไปถึงทองคำที่มักได้อานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า
       
      - USD เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่ความไม่แน่นอนสูง
      หากตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่กำลังก่อตัว การถือครองดอลลาร์มากขึ้นอาจเป็นวิธีลดความผันผวนของพอร์ต ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่นักลงทุนทั่วโลกยอมรับร่วมกันมานานในฐานะ “กลไกป้องกันความเสี่ยงมาตรฐาน”
       
      ท้ายที่สุด ทฤษฎี Dollar Smile นี้ช่วยย้ำว่าการกระจายพอร์ตทั้งในมิติภูมิศาสตร์และสกุลเงิน เป็นปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงิน ที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลาของการลงทุน
       
      ข้อควรระมัดระวัง
      แม้ Dollar Smile Theory จะช่วยให้มองเห็นสัญญาณเชิงพฤติกรรมของตลาดได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่อธิบายทุกปัจจัยในตลาดค่าเงินได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ เช่น
      • ดุลบัญชีเดินสะพัด
      • นโยบายการคลัง
      • ทิศทางเงินทุนไหลเข้า–ออก
      • ความเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยี
       
      การวิเคราะห์ที่ดีจึงควรอยู่บนฐานข้อมูลรอบด้าน และไม่พึ่งพาเครื่องมือใดเพียงอย่างเดียว
      สรุปภาพรวม: ดอลลาร์กับภาวะ “สุดขั้ว”
      -ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อโลกเผชิญความเสี่ยงขั้นรุนแรง
      -ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความได้เปรียบเหนือประเทศอื่นอย่างชัดเจน
      -ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวแบบไม่เร่งตัว
       
      ด้วยโครงสร้างการรับรู้ความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลก ดอลลาร์จึงเป็นสกุลเงินที่มีความสามารถในการปรับตัวสู่ความแข็งแกร่งได้ในสองมุมที่ตรงข้ามกันอย่างน่าสนใจ
       
      คำเตือน :  ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 
       
      ผู้เขียน: เขมรัฐ ทรงอยู่
      รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
      บลจ.กรุงไทย

      Share

      • Facebook
      • Twitter
      • Line

      Recommend Post

      News Demo
      04
      December
      2025
      Gold Demand ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความต้องการทองคำของโลก
      Read more
      News Demo
      28
      November
      2025
      สำรวจสี่เสาหลักกลยุทธ์สร้างรายรับของ Income Funds อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนในยุคอัตราดอกเบี้ยผันผวน
      Read more
      News Demo
      21
      November
      2025
      คู่มือ Healthcare สำหรับนักลงทุนยุคใหม่ มองให้ลึกกว่าภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมสุขภาพ
      Read more

      Shortcut Menu

      • Home
      • About KTAM
      • Mutual Funds
      • Provident Funds
      • Private Funds
      • Property/REIT
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • Top Performance Fund
      • Dividend
      • News/Research
      • Asset Allocation Strategy
      • Documents and Forms
      • Promotions
      • Calendar
      • Activities
      • Procurement
      • AIMC Category
        Performance Report
      • FAQs
      • Investment Knowledge
      • Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies
      • Manage Cookie Preference
      • E-newsletter
      • Contact Us
      • Career
      • Privacy Notice
      Go To Top
      Stay Connect with us:
      • Facebook
      • Twitter
      • Youtube

      Copyright © 2016 Krungthai Asset Management Public Company Limited

      Tel: 0-2686-6100 FAX: 0-2670-0430 Toll Free Number:1-800-295-592

      Email: [email protected]

      Tax ID 0-1075-45000-37-3 : Head Office

      • Affiliates
      • Related Links
      • Sitemap

      USE AND MANAGEMENT OF COOKIES

      Our website use cookie to enhance user experience. You may adjust your cookie preference and learn more about the cookie we use by visiting Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies and Manage Cookie Preference

       MANAGE COOKIE PREFERENCE

      When you use our website, we use necessary cookies to ensure that our website will work properly. We also use other types of cookie to correct information about how you interact with our website and use the information to enhance the user experience. However, you can adjust your cookie preference at any time, and we will not use the cookies that you had disabled.

      To learn more about the cookie we use, visit us at Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies


      Manage Cookie Preference

      Necessary cookies

      Necessary cookies enable core functionalities such as security, network management, and accessibility.

      Analytics cookies

      Google Analytics helps us to improve our website by collecting and reporting your usage information on the website. These cookies collect information in a way that does not identify anyone directly.