• X
  • Search
  • TH EN
      บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
      • Menu Guide
        • NAV
        • Fund Search
        • Highlighted Funds
        • Top Performance Fund
        • Dividend
        • Fund Holidays
        • News/Research
        • Asset Allocation Strategy
        • Documents and Forms
        • Promotions
        • Fund Information
        • Compare Funds
        • KTAM Daily News
        • KTAM Edutainment
      • KTAM Smart Trade
      • PVD Online
      • Agent
      TH : EN
      • HOME
      • ABOUT KTAM
      • MUTUAL FUNDS
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • PROVIDENT FUNDS
      • PRIVATE FUNDS
      • INFRASTRUCTURE / REIT / PROPERTY FUNDS
      1. Home
      2. KTAM Edutainment
      3. Gold Demand ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความต้องการทองคำของโลก

      Gold Demand ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความต้องการทองคำของโลก

      Gold Demand ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความต้องการทองคำของโลก
       
      แม้โลกการลงทุนปัจจุบันจะเต็มไปด้วยสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ ๆ ตั้งแต่ดิจิทัลโทเคนไปจนถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินซับซ้อน แต่ทองคำก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง เพราะทองคำมีคุณสมบัติที่หาสิ่งอื่นทดแทนได้ยาก คือ เป็นสินทรัพย์สำรองที่เชื่อถือได้ เป็นตัวแทนมูลค่าที่จับต้องได้ และเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงในช่วงความไม่แน่นอน อีกทั้ง ยังเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย
      สิ่งที่น่าสนใจ คือ ความต้องการทองคำในปัจจุบันมีที่มาหลากหลายจากกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่ประเภทต่างๆ จากหลายภูมิภาค และทุกกลุ่มมีแรงขับเคลื่อนเฉพาะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ภาพรวมของตลาดทองคำมีมิติที่น่าสนใจอย่างยิ่งต่อการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์การลงทุน
       
      1. อุปสงค์ทองคำจากภาครัฐและธนาคารกลาง: กลยุทธ์เสริมความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
      กลุ่มผู้ซื้อที่มีอิทธิพลที่สุดต่อทิศทางระยะยาวของทองคำ คือ ธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Funds) การเข้าซื้อทองคำของสถาบันเหล่านี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็งกำไร แต่เพื่อสร้างความมั่นคงให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
      ผู้เล่นที่มีบทบาทโดดเด่นในช่วงหลัง ได้แก่ Poland, China, Turkey, Kazakhstan, India และกลุ่มประเทศใน Middle East ที่เพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง
      แรงผลักดันสำคัญมาจากความต้องการกระจายความเสี่ยงด้านทุนสำรองของประเทศ ที่แต่เดิมถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์เป็นหลักเพื่อหวังลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ลดความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ รวมถึงเพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจท่ามกลางความผันผวนของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย
      Demand กลุ่มนี้จึงเป็นเสาหลักสำคัญของตลาดทองคำ เพราะเป็นการถือครองระยะยาวที่ช่วยให้ราคาทองคำมี Downside Protection

      2. ความต้องการทองคำของผู้บริโภคและบทบาทเชิงวัฒนธรรมด้านความมั่งคั่ง
      ความต้องการทองคำจากภาคครัวเรือนเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนสำคัญของตลาด แม้จะมีความอ่อนไหวและผันผวนตามระดับราคาทองคำในตลาดโลก แต่แรงซื้อพื้นฐานตามพฤติกรรมโดยเฉพาะในอินเดียและจีนยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นศูนย์กลางของการบริโภคทองคำเชิงวัฒนธรรมและการสะสมสินทรัพย์แบบกายภาพ
       
      ในอินเดีย ทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและสถานะทางสังคม มีบทบาททั้งในพิธีกรรม การส่งต่อสินทรัพย์ระหว่างรุ่น และการออมที่จับต้องได้ จึงเป็นสินทรัพย์สำรองประจำครัวเรือนโดยธรรมชาติ
      ส่วนในจีน ทองคำถูกมองว่าเป็นเครื่องมือรักษามูลค่าที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉพาะในช่วงที่ภาคอสังหาริมทรัพย์หรือสภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ทำให้ความต้องการผสมผสานทั้งในรูปของเครื่องประดับและสินทรัพย์ลงทุนอย่าง ทองคำแท่งและเหรียญทอง
      นอกเหนือจากสองตลาดหลักนี้ ยังมีความต้องการที่มีนัยสำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น Saudi Arabia และ UAE รวมถึง Southeast Asia อย่าง Thailand, Vietnam และ Singapore ซึ่งนิยมถือทองคำเพื่อสะสมความมั่งคั่งและปกป้องอำนาจซื้อในระยะยาวเช่นเดียวกัน
       
      3. อุปสงค์เพื่อการลงทุนผ่าน ETFs: หน้าที่ของทองคำในโครงสร้างพอร์ตยุคใหม่
      อีกเม็ดเงินที่ขับเคลื่อนราคาได้อย่างชัดเจน คือ การลงทุนทองคำผ่านเครื่องมือทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่ม Gold-backed ETFs ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับตลาดทองคำ ตามความต้องการซื้อขายของทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายบุคคล
      ETF รายใหญ่ระดับโลก ได้แก่
      • SPDR Gold Shares (GLD) ผู้นำในด้านสภาพคล่องและขนาดกองทุน
      • iShares Gold Trust (IAU) ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ต้องการถือยาว
      • SPDR Gold MiniShares (GLDM) ที่ลดต้นทุนให้ถูกลง เข้าถึงได้กว้างขึ้น
      ETF เหล่านี้ทำให้ทองคำเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นและมีความสัมพันธ์กับ Sentiment ของตลาดการเงินในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุนและกระจายความเสี่ยง
       
      4. ความต้องการทองคำจากภาคเทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูง: บทบาทที่ขยายตัวตามโครงสร้างของเศรษฐกิจดิจิทัล
      ในภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ทองคำทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบทางวิศวกรรมที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากคุณสมบัติการนำไฟฟ้าที่เหนือกว่า ความทนทานต่อการกัดกร่อน และเสถียรภาพในการทำงานระยะยาว
      โลหะทองคำจึงถูกใช้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น Semiconductor และ High-Performance Computing, โครงสร้างพื้นฐาน Data Center สำหรับ AI และ Cloud, ตลอดจนเทคโนโลยีแห่งอนาคต อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า (EV), เครือข่าย 5G, อุตสาหกรรม Aerospace และอุปกรณ์ทางการแพทย์ความเสี่ยงสูง
       
      ฐานการผลิตหลักของอุตสาหกรรมเหล่านี้กระจุกตัวอยู่ใน East Asia ได้แก่ China, South Korea, Taiwan และ Japan ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ขณะที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีบทบาทในเทคโนโลยีที่ต้องการมาตรฐานความน่าเชื่อถือสูง เช่น กลุ่มการบินและกลาโหม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลขั้นสูง
      ความต้องการทองคำในภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับ megatrend เทคโนโลยีทั่วโลก โดยเฉพาะการขยายตัวของ AI-Driven Economy การยกระดับ Infrastructure ทางดิจิทัล และการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมสู่ความเป็นไฟฟ้า ก็ทำให้อุปสงค์ทองคำจากภาคเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีเสถียรภาพ และสามารถคาดการณ์การเติบโตระยะยาวได้อย่างมีน้ำหนัก
       
      5. Private Wealth & Tokenized Gold: มิติใหม่ของการถือครองทองคำ
      นอกเหนือจากสถาบันและผู้บริโภคทั่วไป ยังมี “อุปสงค์แบบเงียบแต่มีน้ำหนัก” จากกลุ่มความมั่งคั่งส่วนบุคคลระดับสูง (Ultra Wealth) โดยเฉพาะการจัดเก็บทองคำในศูนย์กลาง Private Reserve เช่น Switzerland, Singapore และ Dubai เพื่อจุดประสงค์เรื่องการปกป้องความมั่งคงและความเป็นส่วนตัว
      นอกจากนี้ ยังมัแนวโน้มใหม่ของการสะสมทองคำ คือ “Tokenized Gold” ที่ทองคำถูกนำมาเป็นสินทรัพย์เบื้องหลังให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท ส่งผลให้ตลาดทองคำเชื่อมต่อกับ Ecosystem ของ Crypto มากขึ้น และปริมาณทองคำจำนวนหนึ่งถูกผูกไว้ในระบบที่ไม่หมุนเวียนในตลาดทั่วไป
       
      บทสรุปเชิงกลยุทธ์
      ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทเด่นในระบบเศรษฐกิจโลก เพราะสามารถทำหน้าที่ได้หลายมิติพร้อมกัน อาทิ
      -เป็นเครื่องมือบริหารเงินสำรองและภูมิรัฐศาสตร์
      -เป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่มีอุปสงค์สม่ำเสมอ
      -เป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน
      -เป็นองค์ประกอบทางเทคโนโลยีที่สำคัญต่ออนาคต
      -เป็นที่พึ่งสุดท้ายของความมั่งคั่งในวันที่ระบบการเงินสั่นคลอน
      เพราะทองคำคือ Safety Premium ของระบบการเงินโลก และความต้องการ Premium นี้ไม่เคยหายไป
       
      สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนพร้อมสร้างโอกาสเติบโตไปกับโอกาสจากทองคำ ทาง KTAM ขอแนะนำ KT-GOLD (กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ ฟันด์) และ KT-GOLDUH (กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ ฟันด์ อันเฮดจ์) นอกจากนี้ ยังมีกองทุน KT-GOLD RMF (กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย
       
      โดยทั้งสามกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 8 และเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR®GoldTrust (กองทุนรวมหลัก) เพียงกองเดียว เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80%ของ NAV โดยกองทุนหลักมุ่งลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำหักด้วยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุน
       
      สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย
      โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทย และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th
      สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
       
      คำเตือน : กองทุน KT-GOLDUH มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ส่วนกองทุน KT-GOLD และ KT-GOLD RMF มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของ NAV ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม
       
      ผู้เขียน: เขมรัฐ ทรงอยู่
      รองผู้อำนวยการ ฝ่ายลงทุนต่างประเทศ
      บลจ.กรุงไทย
       
       
       
       

      Share

      • Facebook
      • Twitter
      • Line

      Recommend Post

      News Demo
      28
      November
      2025
      สำรวจสี่เสาหลักกลยุทธ์สร้างรายรับของ Income Funds อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนในยุคอัตราดอกเบี้ยผันผวน
      Read more
      News Demo
      21
      November
      2025
      คู่มือ Healthcare สำหรับนักลงทุนยุคใหม่ มองให้ลึกกว่าภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมสุขภาพ
      Read more
      News Demo
      14
      November
      2025
      เงินเฟ้อดี กับ เงินเฟ้อร้าย: เข้าใจตัวแปรเศรษฐกิจ พร้อมปรับพอร์ตให้เข้าทาง
      Read more

      Shortcut Menu

      • Home
      • About KTAM
      • Mutual Funds
      • Provident Funds
      • Private Funds
      • Property/REIT
      • RMF/LTF/SSF/ThaiESG
      • FIF / ETF
      • Top Performance Fund
      • Dividend
      • News/Research
      • Asset Allocation Strategy
      • Documents and Forms
      • Promotions
      • Calendar
      • Activities
      • Procurement
      • AIMC Category
        Performance Report
      • FAQs
      • Investment Knowledge
      • Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies
      • Manage Cookie Preference
      • E-newsletter
      • Contact Us
      • Career
      • Privacy Notice
      Go To Top
      Stay Connect with us:
      • Facebook
      • Twitter
      • Youtube

      Copyright © 2016 Krungthai Asset Management Public Company Limited

      Tel: 0-2686-6100 FAX: 0-2670-0430 Toll Free Number:1-800-295-592

      Email: [email protected]

      Tax ID 0-1075-45000-37-3 : Head Office

      • Affiliates
      • Related Links
      • Sitemap

      USE AND MANAGEMENT OF COOKIES

      Our website use cookie to enhance user experience. You may adjust your cookie preference and learn more about the cookie we use by visiting Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies and Manage Cookie Preference

       MANAGE COOKIE PREFERENCE

      When you use our website, we use necessary cookies to ensure that our website will work properly. We also use other types of cookie to correct information about how you interact with our website and use the information to enhance the user experience. However, you can adjust your cookie preference at any time, and we will not use the cookies that you had disabled.

      To learn more about the cookie we use, visit us at Notice Regarding Data Privacy and Use of Cookies


      Manage Cookie Preference

      Necessary cookies

      Necessary cookies enable core functionalities such as security, network management, and accessibility.

      Analytics cookies

      Google Analytics helps us to improve our website by collecting and reporting your usage information on the website. These cookies collect information in a way that does not identify anyone directly.