ทำไม ปัญหาเรื่อง Climate Change ถึงน่ากลัวไม่แพ้ เรื่องโรคระบาด ?
นอกจากเรื่องโรคระบาดโควิด 19 ที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของคนทั่วโลกตอนนี้
อีกหนึ่งเรื่องที่กระทบคนทั่วโลกเหมือนกัน คือเรื่อง “Climate Change” หรือ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเห็นข่าวน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่สร้างความเสียหายให้กับหลายพื้นที่ ทั้งในเยอรมนี เบลเยียม ยุโรป และหลายมณฑลในประเทศจีน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่ง มาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดพายุและฝนตกชุกอย่างยาวนาน
ผลกระทบจาก Climate Change ยังส่งผลกระทบไปถึงใครที่เป็นคอกาแฟ อีกด้วย
เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนในแถบบราซิล กำลังทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งเกาะบริเวณต้นและใบของต้นกาแฟ
ส่งผลให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟจากบราซิล ซึ่งเป็นปริมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณการผลิตทั้งโลกกำลังลดลง และดันให้ราคาเมล็ดกาแฟทั่วโลกสูงขึ้นในตอนนี้
และอาจจะกระทบกับราคากาแฟที่เราซื้อดื่มกันในอนาคตอันใกล้นี้ ก็เป็นได้..
หากอ้างอิงจากหนังสือ How to Avoid a Climate Disaster พบว่า มนุษย์เราทุกวันนี้ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และไนตรัสออกไซด์) สู่ชั้นบรรยากาศ ปีละราว ๆ 52,000 ล้านตัน
แล้วการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยปริมาณเท่านี้ไปเรื่อย ๆ จะส่งผลอย่างไรต่อโลกเราต่อไป ?
ข้อมูลจาก Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ที่ดูแลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีการคาดการณ์ว่า
หากเรายังคงเพิ่มก๊าซเรือนกระจก (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และไนตรัสออกไซด์) ในอัตราเท่านี้ไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิของโลกเราจะเพิ่มขึ้น 1.5-3 องศาเซลเซียส ในช่วงกลางศตวรรษนี้ และเพิ่มขึ้น 4-8 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษ
ซึ่งอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทวีความรุนแรง และอาจเกิดบ่อยขึ้น ซึ่งจะตามมาด้วยผลกระทบต่อมนุษย์และโลกของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งหมดนี้ จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change กำลังอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด และเรื่องนี้ก็กำลังเป็นอีกประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกต่างติดตาม ไม่แพ้เรื่องโรคระบาดเลย
หลายประเทศใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้กระทั่งจีนเอง ก็เริ่มเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากขึ้นทุกที ทั้งส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน และส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมที่จะมารับมือกับเรื่องนี้
คำถามคือ แล้วเราในฐานะผู้ลงทุน หรือคนทั่ว ๆ ไป จะมีส่วนร่วมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนี้ได้อย่างไร ?
นอกจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเราเองที่จะช่วยกันลดปัญหาโลกร้อนแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถมีส่วนร่วมได้ก็คือ การลงทุนในธุรกิจที่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
ซึ่งทาง KTAM เอง ก็มีหนึ่งทางเลือกน่าสนใจ สำหรับผู้ที่อยากลงทุนในธุรกิจที่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
นั่นก็คือ กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล ไครเมท เชนจ์ อิควิตี้ ฟันด์ หรือ “KT-CLIMATE”
KT-CLIMATE มีนโยบายไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลักคือ Schroder International Selection Fund Global Climate Change Equity (Class C)
โดยกองทุนหลัก จะเน้นไปลงทุนในบริษัทที่มีนโยบายและมีนวัตกรรม ที่มุ่งมั่นในการช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ
ยกตัวอย่าง นโยบายและนวัตกรรมน่าสนใจของบริษัท ในพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลัก เช่น
- Microsoft ที่มีนโยบายน่าสนใจ เช่น ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น “ลบ” ภายในปี 2030 โดยการคิดค้นนวัตกรรมที่เรียกว่า Carbon Capture ติดตั้งบริเวณสำนักงานทั่วโลก และนำไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดมาใช้ในองค์กร
- Amazon.com เจ้าของอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเปลี่ยนมาใช้ “รถตู้ไฟฟ้า” ในการจัดส่งสินค้า และยังตั้งงบลงทุนกว่า 66,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- Texas Instruments ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐอเมริกา ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมชิปที่ช่วยให้การใช้พลังงานในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานลง
- Bayerische Motoren Werke AG หรือ BMW ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้ผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
และถ้าถามว่า ทำไมการลงทุนในธุรกิจที่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง ?
เรื่องสำคัญก็คือ เม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ กำลังไหลมาส่งเสริมธุรกิจในกลุ่มนี้
อย่างเช่น นโยบาย American Jobs Plan ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่มีวงเงินมหาศาลถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็มีรายละเอียดในการส่งเสริมอุตสาหกรรม EV, พลังงานสะอาด และธุรกิจที่ตระหนักเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
นั่นหมายความว่า การลงทุนในธุรกิจที่ตระหนักเรื่องนี้ เป็นทั้งโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเรา และยังได้รักษ์โลก มีส่วนร่วมในการต่อสู้ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปด้วยพร้อม ๆ กันนั่นเอง..
สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดโอกาสการลงทุนดี ๆ แบบนี้ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุนรวม KT-CLIMATE ได้เลยที่ https://www.ktam.co.th/fif-fund-detail.aspx?IdF=73
References
-https://www.sciencemag.org/.../europe-s-deadly-floods...
-https://www.carbonbrief.org/china-briefing-5-august-2021...
-https://www.wsj.com/.../coffee-prices-jump-to-six-year...
-หนังสือ How to Avoid a Climate Disaster โดย Bill Gates
-https://blogs.microsoft.com/.../microsoft-will-be-carbon.../
-https://sustainability.aboutamazon.com/
-https://www.ti.com/about-ti/company/overview.html
-https://www.whitehouse.gov/.../fact-sheet-the-american.../
ร่วมติดตามเนื้อหาการเงิน-การลงทุน ทั้งบทความและวิดีโอดีๆจาก KTAM ได้ที่
ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook https://bit.ly/2C6urxv
Youtube https://bit.ly/2LYtPyz
Twitter https://bit.ly/2TzV98V
line https://lin.ee/hz6k8G6
IG https://bit.ly/2TuB0RI
Podbeam http://bit.ly/3fajE78
Spotify https://spoti.fi/3CKOH5Z
Clubhouse https://bit.ly/3cRFGNO
Blockdit https://bit.ly/2W0yzgb
ร่วมติดตามเนื้อหาการเงิน-การลงทุน ทั้งบทความและวิดีโอดีๆจาก KTAM ได้ที่
ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook https://bit.ly/2C6urxv
Youtube https://bit.ly/2LYtPyz
Twitter https://bit.ly/2TzV98V
line https://lin.ee/hz6k8G6
IG https://bit.ly/2TuB0RI
Podbeam http://bit.ly/3fajE78
Spotify https://spoti.fi/3CKOH5Z
Clubhouse https://bit.ly/3cRFGNO
Blockdit https://bit.ly/2W0yzgb