กองทุนรวมต่างประเทศ
ประเภทกองทุน | กองทุนรวมตราสารหนี้, กองทุนรวมฟีดเดอร์ (Feeder Fund) |
ระดับความเสี่ยงกองทุน | 5 |
นโยบายการลงทุน | กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Global Bond Fixed Maturity Fund 2022 – II (Class A USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV |
กองทุนรวมหลัก | Invesco Global Bond Fixed Maturity Fund 2022 – II (Class A USD) |
บริษัท (กองทุนรวมหลัก) | Invesco Hong Kong Limited |
นโยบายการลงทุน (กองทุนรวมหลัก) |
กองทุนจะเน้นลงทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในตราสารหนี้ทั่วโลก ที่มีสกุลเงิน USD ที่ออกโดยผู้ออกตราสารที่ถูกพิจารณาคัดเลือกโดยดุลพินิจของผู้จัดการ (เช่น รัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศที่มีลักษณะเหนือรัฐ (supranational entities) กลุ่มบริษัท สถาบันการเงิน และกลุ่มธนาคาร) ซึ่งอาจรวมถึงผู้ออกตราสารที่อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยเช่นกัน กองทุนจะลงทุนใน
กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นหลัก และอาจลงทุนในตราสารอนุพันธ์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงเท่านั้น กองทุนอาจลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 40 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ออกหรือรับรองโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง และอาจลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในตราสารภาครัฐ (sovereign securities) ที่ออกหรือรับรองโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง (รวมถึงรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐของประเทศนั้น) ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ หรือ ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated) กองทุนอาจลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิในตราสารหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ออกหรือรับรองโดยหน่วยงานจีนในประเทศจีน นอกจากนี้ กองทุนอาจลงทุนได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวมในหุ้นกู้ที่ไม่มีวันครบกำหนดอายุ (perpetual bonds) และหุ้นกู้แปลงสภาพ (convertible bonds) (รวมถึงหลักทรัพย์ contingent convertible securities) กองทุนจะไม่ลงทุนในตราสารทุน, หน่วย CIS (collective investment schemes), หรือ asset-backed securities (รวมถึง mortgage-backed securities) หรือ asset-back commercial paper กองทุนจะใช้กลยุทธ์ซื้อและถือจนครบกำหนดอายุ (buy and hold) ด้วยการติดตามความเสี่ยงแบบเชิงรุก ผู้จัดการจะติดตามและบริหารระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในช่วงระยะเวลาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เมื่ออันดับความน่าเชื่อถือของหลักทรัพย์หรือผู้ออกหลักทรัพย์ถูกปรับลงต่ำกว่าอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ หรือเมื่อผู้จัดการกองทุนมีความเห็นว่าหลักทรัพย์หรือผู้ออกหลักทรัพย์ (credit profile) มีเครดิตที่ลดต่ำลงหลังจากซื้อครั้งแรก ทางผู้จัดการกองทุนจะใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจที่จะถือครองหรือขายหลักทรัพย์ดังกล่าวออกไป โดยผ่านการวิเคราะห์ในปัจจัยที่หลากหลาย เช่น ความเสี่ยงจากการผิดชำระหนี้ ระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอน ระดับสภาพคล่อง ราคาตลาด และการนำเงินที่ได้จากการขายตราสารหนี้กลับไปลงทุนใหม่ภายใต้เกณฑ์การลงทุนข้างต้น สำหรับการบริหารสภาพคล่อง กองทุนจะมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความหลากหลาย ผ่านการจำกัดการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และในช่วงเวลาของการซื้อตราสารหนี้ทุกตัวจะต้องมีมูลค่าที่ตราไว้รวมอย่างน้อย 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กองทุนจะไม่มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ถูกเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (private placement bonds) ผู้จัดการกองทุนมุ่งในการทำให้กองทุนมีการลงทุนเต็มอัตรา แต่อาจมีการถือครองเงินสด หรือหลักทรัพย์เทียบเท่าเงินสด ได้ถึงร้อยละ 40 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็นการชั่วคราว ในช่วงระยะเวลาการลงทุน ในสถานการณ์เช่น การนำเงินกลับมาลงทุนใหม่ โดยเป็นเงินที่ได้จากการขายตราสารหนี้ที่หมดอายุก่อนครบกำหนดอายุกองทุน หรือ ตราสารหนี้ที่ถูกไถ่ถอนก่อนครบกำหนดอายุ หรือ เงินที่ได้จากการขายตราสารหนี้ที่ผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ว่าอันดับความน่าเชื่อถือมีแนวโน้มถูกปรับลง อายุของหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของเงินลงทุนของกองทุนรวมจะมีระยะเวลาสั้นกว่าระยะเวลาการลงทุนของกองทุน เงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ที่หมดอายุก่อนวันครบอายุกองทุนจะถูกนำกลับไปลงทุนใหม่ หรืออาจถือครองเงินสด หรือหลักทรัพย์เทียบเท่าเงินสดตามดุลยพินิจของผู้จัดการ นอกจากนี้ ผู้จัดการอาจถือครองเงินสด หรือหลักทรัพย์เทียบเท่าเงินสด ได้ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในช่วงระยะเวลา 2 เดือนก่อนครบอายุกองทุน กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 2.5 ปี และกองทุนจะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อครบอายุกองทุน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงวันครบอายุโดยประมาณ ผู้ถือหน่วยจะได้รับแจ้งวันสิ้นสุดอายุกองทุนอย่างน้อย 1 เดือนก่อนวันครบอายุกองทุนเพื่อยืนยันการสิ้นสุดของกองทุน กองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการปิดกองทุน หน่วยการลงทุนทั้งหมดจะถูกไถ่ถอน ณ วันครบอายุกองทุนและเงินที่ได้จะถูกแจกจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน (ผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันครบอายุกองทุน) ตามมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปิดกองทุน (termination cost) ถูกประเมินไว้ที่ประมาณ 18,000 เหรียญสหรัฐฯ และจะถูกตัดจำหน่ายตลอดช่วงระยะเวลาตั้งแต่เปิดเสนอขายครั้งแรก จนถึงวันครบอายุกองทุน |
สกุลเงิน (กองทุนรวมหลัก) | USD |
นโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ในรูปสกุลเงินบาท) | ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน |
นโยบายการจ่ายปันผล | ไม่จ่าย |
มูลค่าขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน | 1,000 บาท |
มูลค่าขั้นต่ำในการขายคืนหน่วยลงทุน | ไม่กำหนด |
วัน-เวลาทำการซื้อขายหน่วยลงทุน |
|
การรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ | บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารตลาดเงิน (กองทุนปลายทาง) ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในอัตราที่บริษัทจัดการเห็นสมควร สำหรับการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติครั้งสุดท้าย บริษัทจัดการจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายในส่วนที่เหลืออยู่ทั้งหมดของกองทุนนี้ โดยจะทำการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งจำนวนของผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารตลาดเงิน (กองทุนปลายทาง) ในวันทำการก่อนวันสิ้นสุดอายุโครงการ บริษัทจัดการ, และตัวแทนสนับสนุนการซื้อขายหน่วยลงทุนอื่นๆ (ถ้ามี) และระบบ Internet Trading : KTAM SMART TRADE (www.ktam.co.th) |
วันรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน | T+5 |
ค่าธรรมเนียมการจัดการ | ไม่เกิน 0.8025%1 (ปัจจุบันเรียกเก็บ 0.321%) |
ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ | ไม่เกิน 0.0749%1 (ปัจจุบันเรียกเก็บ 0.0321%) |
ค่าธรรมเนียมนายทะเบียนหน่วยลงทุน | ไม่เกิน 0.535%1 (ปัจจุบันเรียกเก็บ 0.0535%) |
ค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน | ไม่เกิน 1.00%1 (ปัจจุบันไม่เรียกเก็บ) |
ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน | ไม่เกิน 1.00% 1 (ปัจจุบันไม่เรียกเก็บ) |
ค่าปรับกรณีขายคืนหน่วยลงทุนก่อนระยะเวลาถือครองที่กำหนดในโครงการ (Exit Fee) | ไม่เกิน 2.00% 1 (ปัจจุบันเรียกเก็บ 2.00% เฉพาะกรณีการขายคืนก่อนครบกำหนดอายุกองทุน) |